Page 235 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 235

211
เกิดขึ้น การตั้งอยู่ การดับไป ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ เป็นอาการเต้นของหัวใจ เป็นความคิด เป็นอาการพองยุบ หรือเป็นเวทนา อย่างใดอย่างหนึ่งที่ปรากฎ ขึ้นมา ให้มีเจตนาที่จะพิจารณารู้ถึงธรรมชาติ ถึงสภาวะที่เป็นจริงของอารมณ์ นั้น ๆ ที่กาลังปรากฎชัดอยู่เฉพาะหน้าเราว่าเขาเป็นไปในลักษณะอย่างไร
การสังเกตหรือกาหนดในลักษณะอย่างนี้ก็เพื่อการเพิ่มปัญญาของ เรา เป็นการเพิ่มปัญญาหรือพัฒนาปัญญา เมื่อพัฒนาปัญญา เห็นความ เปลี่ยนแปลงชัดเจนถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของสภาวธรรมที่ เกิดขึ้น เมื่อจิตเราเห็นตามความจริง ยอมรับความจริง สภาพจิตเราก็จะ เปลี่ยนไป ถามว่า เปลี่ยนเป็นอย่างไร ? ตรงนี้เราต้องสังเกต เมื่อเห็นการ เปลี่ยนแปลง เห็นการเกิดดับอยู่เนือง ๆ แล้ว สภาพจิตใจเราเป็นอย่างไร ? เมื่อเรามีสติรู้อยู่กับปัจจุบันทุก ๆ ขณะ ในขณะที่เราเจริญกรรมฐาน นั่งฟัง ธรรม นั่งสมาธิ แล้วปฏิบัติไปด้วย ยิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลง ทาให้สภาพจิตใจ รู้สึกอย่างไร ? ยิ่งตั้งมั่นขึ้น ยิ่งตื่นตัวมากขึ้น ยิ่งสงบขึ้น ยิ่งผ่องใสขึ้น หรือ ขุ่นมัวเศร้าหมองไป ?
ไม่ว่าอาการไหนปรากฏขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่งตึง หรือเวทนาที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรา เมื่อไหร่ก็ตามที่อารมณ์เหล่านี้ เกิดขึ้น ให้พิจารณารู้ถึงความเป็นคนละส่วนระหว่างเวทนากับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เหมือนกับที่เราพิจารณารู้ว่าจิตที่ทาหน้าที่รู้กับตัวที่นั่งอยู่เป็นคนละส่วนกัน เมื่อกาหนดรู้ถึงความเป็นคนละส่วนในลักษณะอย่างนี้ แล้วก็มาดูสภาพจิตใจ เราวา่ เมอื่ เหน็ ความเปน็ คนละสว่ น เวทนาเหลา่ นนั้ บบี คนั้ จติ เราใหม้ อี กศุ ลเกดิ ขึ้นได้หรือเปล่า ? หรือเวทนาไม่สามารถบีบคั้นจิตใจของเราให้เป็นอกุศลได้ ?
คาว่า “อกุศล” อยู่ตรงไหน ? คาว่า “อกุศล” อยู่ที่ความขุ่นมัวเศร้า หมองหรือปฏิเสธอารมณ์ที่เกิดขึ้น ตัวกิเลสคือความเศร้าหมองที่เกิดขึ้นกับ ใจของเรานั่นแหละ การเห็นถึงความเป็นคนละส่วน ก็จะมีอยู่ ๒ ลักษณะ คือเห็นความเป็นคนละส่วนแต่ว่าจิตเราเล็กกว่าอารมณ์ เห็นความเป็นคน


































































































   233   234   235   236   237