Page 243 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 243

219
ถ้าเราสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นว่า อาการเหล่านี้เกิดเพราะจิตเราสั่งให้ทา ถามว่า จิตคืออะไร ? จิตก็คือนาม สภาพจิตใจนั่นแหละ ถามว่า จิตตรงนี้ เกิดจากอะไรได้บ้าง ? โดยธรรมชาติเขาก็ทาหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ไม่ว่าเรา จะขยับ จะพูด จะคิด จะทาอะไร แต่การกระทาเหล่านี้ เกิดจากจิตประเภท ไหน ? เกิดจากจิตที่เป็นกุศล ? เกิดจากจิตที่เป็นอกุศล ? อาการเคลื่อนไหว คาพูด การกระทาของเรา มีสติคอยตรึกตรอง คอยพิจารณา คอยควบคุม เป็นไปตามสติตามปัญญาของเรา หรือว่าเป็นไปตามความเคยชิน เป็นไปตาม อารมณ์ของเราเท่านั้นเอง ? เหล่านี้แหละที่เราต้องพิจารณา
การที่เรามาพิจารณารู้อาการของกายของจิตเรา การพิจารณาดูกาย ที่เคลื่อนไหวในอิริยาบถต่าง ๆ นี่ ไม่ใช่แค่รู้อาการเคลื่อนไป เคลื่อนไป... แต่รู้ว่าการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งนี่ เคลื่อนไปอย่างมีสติ หรือเคลื่อนไหวอย่าง สติอ่อน หรือขาดสติไป เป็นไปโดยสัญชาตญาณ หรือธรรมชาติที่ขาดสติ คือไม่มีสติคอยกาหนดรู้ ดูให้ชัดว่าเป็นไปในลักษณะอย่างไร ถ้าเรามีสติ กาหนดรู้ ดูชัดเจนนี่ เรามีเจตนา อาการขยับ อาการเคลื่อนไหว ความเป็น ไปของกิริยาอาการของเราก็มีสติคอยควบคุม ตรงนั้นแหละการสารวมก็จะ เกิดขึ้น
การสารวมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ? เมื่อเรามีสติรู้เท่าทันอาการที่เกิด ขึ้น เราจะรู้ว่าอาการที่ปรากฏขึ้นมาจะส่งผลอย่างไร ส่งผลเป็นทุกข์ ส่งผล เป็นโทษ หรือส่งผลให้เกิดความสุข เป็นประโยชน์เกิดขึ้น การเคลื่อนไหวนั้น อาการเป็นกลาง ๆ ไม่ได้ส่งผลเป็นทุกข์เป็นโทษอะไรหรอก เป็นไปตามปกติ ธรรมดา ถ้าเรามีสติกาหนดรู้อย่างนี้ เราจะไม่เห็นแค่อาการ แต่เราจะเห็น ถึงจิตเราด้วยว่าอาการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากจิตประเภทไหน เพราะฉะนั้น การที่เรารู้เท่าทันอาการทางกายที่เกิดขึ้น การขยับปากที่จะพูด การสารวมกายวาจาก็เกิดขึ้น ตรงนี้ศีลเราก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
การสารวมกายวาจาที่เป็นไปไม่ให้เกิดโทษ ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่


































































































   241   242   243   244   245