Page 245 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 245

221
ที่เกิดขึ้นเขาเปลี่ยนไปต่างไปอย่างไร ?” ถึงแม้บางครั้งอาการเกิดดับเขาเกิด เหมือนเดิม ซ้า ๆ ซ้า ๆ แต่ที่ “ต่าง” ก็คือ “ความชัดเจน” ของเขา “เกิด เหมือนเดิม” หมายถึงว่า เห็นแต่ผุดเกิดขึ้นมาอย่างเดียว ผุดใหม่ ผุดใหม่... นั่งเมื่อไหร่ก็มีแต่อาการผุดขึ้น ผุดขึ้น แต่ความชัดเจนก็ต่างไป ความชัดเจน ที่ต่างไปนี่แหละเป็นตัวบอกถึงสภาวะที่เปลี่ยนไป
แล้วก็ “สภาพจิตโดยรวม” ขณะใหญ่ โดยทั่วไปแล้ว รู้สึกดีขึ้น สงบขึ้น หรือมีสติมากขึ้น ไวกว่าเดิม อายุอารมณ์สั้นลงไหม ? ตรงนี้เป็นตัว บอกว่าการปฏิบัติของเราพัฒนาขึ้นไหม หรือยิ่งปฏิบัติแล้วอายุอารมณ์ยิ่ง ยาว อะไรเกิดขึ้นมากว่าจะดับได้นานกว่าเดิม ? บางทีเกิดขึ้นมาแล้วเราไม่ได้ ใส่ใจกาหนด ไม่รู้ แสดงว่าเราไม่ได้ปฏิบัติแล้ว ถ้าเกิดขึ้นมาแล้วเราไม่ใส่ใจ ไม่ได้กาหนด ไม่มีเจตนาที่จะไปรู้ดูการเปลี่ยนแปลงหรือการเกิดดับของเขา แสดงว่าเราไม่ทาอะไร
บางทีโยคีรู้สึกว่าปฏิบัติแล้วไม่มีสภาวะส่ง ทาไมถึงไม่มีสภาวะส่ง ? มีแต่ความสุขอย่างเดียว เลยไม่มีอะไรให้เล่า ความสุขก็ไม่กล้าเล่าให้อาจารย์ ฟัง! ส่วนบางคนรู้สึกว่าปฏิบัติแล้วไม่มีสภาวะเลย มันสงบอย่างเดียว เงียบ อย่างเดียว ก็ไม่ค่อยกล้าเล่าอีก เพราะไม่เห็นอะไร เห็นแต่ความสงบความ เงียบของจิตเรา อันนั้นแหละก็คือสภาวะ เห็นอะไรก็เป็นอย่างนั้นในสิ่งที่เห็น ทีนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น จะทายังไง ? เราก็ดูความสุขนั่นแหละ! สุขแล้วดีไหม ? สุขมากกว่าเดิมไหม ? สุขต่างไปอย่างไร ? หรือสงบแล้วนี่ สงบมากขึ้น กว่าเดิม สงบกว้างกว่าเดิม สงบแล้วมีกาลังมากกว่าเดิม ? ตรงที่กาลังของ ความสงบ มีความหนาแน่นมากขึ้น ชัดเจนขึ้นหรือเปล่า ? นั่นแหละคือการ ดูสภาวะ อันนี้ก็เล่าได้
และอีกอย่างหนึ่ง ตัวหลักสาคัญในการปฏิบัติของเรา อาจารย์จะ บอกหลักกว้าง ๆ อย่างไรเราก็ไม่ทิ้งหลักของการปฏิบัติของเรา สติปัฏฐาน ๔ นี่ อย่าเลือกว่าต้องเอาแค่อารมณ์นี้อารมณ์เดียว จะดูรูปอย่างเดียว จะรู้


































































































   243   244   245   246   247