Page 252 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 252

228
กิเลสไหม ? หรือเกิดจากการปรุงแต่งของเราไหม ? หรือเกิดจากเหตุปัจจัย ตามธรรมชาติของเขาจริง ๆ ว่าเป็นอย่างนั้น ?
ทีนี้ว่าการพิจารณาธรรม การเห็นธรรมชาติความเป็นไปของรูปนาม ที่แสดงอาการเกิดดับวนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่เนือง ๆ นั้น ความเข้าใจใน สภาวธรรม ในอาการเกิดดับที่เกิดขึ้น ในธรรมชาตินั้น ๆ ก็จะมีความแตก ต่างกันไป แต่อย่างไรเสีย สิ่งที่เป็นตัวรองรับก็คือ สภาวธรรมหรือองค์ธรรม นั่นเอง ไม่ว่าจะเข้าใจอย่างไร จะคิดอย่างไร ก็ไม่พ้นจากสภาพเหล่านี้ จะ พูดอย่างไร มีโวหารพิสดารแค่ไหน ก็ต้องมี “สภาวธรรมรองรับ” ว่าทาแล้ว เป็นแบบนี้จริง ๆ เกิดอย่างนี้จริง ๆ เห็นจริง ๆ เข้าถึงได้เป็นแบบนี้จริง ๆ ตรงนั้นเป็นสิ่งที่โยคีผู้ปฏิบัติทั้งหลายต้องพิจารณาให้ชัด
เพราะฉะนั้น สภาวธรรมที่เกิดขึ้นกับเรา ต้องสังเกตให้ชัดว่าเป็น แบบไหน เห็นจริง ๆ ไหม ถ้าสงสัยก็สังเกตให้ดี ถ้าสงสัยว่าสภาวธรรมที่ เกิดขึ้น เกิดจากเราปรุงแต่งเองไหม คิดเอาเองไหม เราก็ต้องถามตัวเองว่า ขณะนั้นเราคิดหรือไม่คิด ? หรือเขาเกิดเองโดยสภาวธรรมของเขา แค่เรา เป็นผู้กาหนดรู้เท่านั้นเอง ? เราต้องจริงใจกับตัวเอง ซื่อสัตย์กับตนเอง ว่า เราจะไม่โกหกตัวเอง “เห็นอย่างไรก็อย่างนั้น” ดีก็ให้รู้ชัดว่าดี ไม่ดีก็รู้ชัดว่า ไม่ดี สว่างก็รู้ชัดว่าสว่าง ใสก็ให้รู้ชัดว่าใส เบาก็รู้ชัดว่าเบา สงบก็รู้ชัดว่า สงบ หนักก็รู้ชัดว่ามันหนัก... เห็นอย่างไรก็อย่างนั้น ให้รู้ชัดตามนั้น
แล้วอาการต่าง ๆ ที่เรากาหนดรู้แบบนี้ สิ่งที่เราไม่คาดหวังไม่ใช่ว่า จะไม่เกิด บางครั้งเราปฏิบัติไป คิดว่ามันจะต้องดีขึ้น ดีขึ้น... อ้าว! พอไป ปฏิบัติ ทาไมไม่ดีอย่างที่คิด!? อาการที่เกิดขึ้นไม่เป็นอย่างที่เราอยาก เขา บอกอะไรกับเรา ? เขาบอกว่าไม่ได้เป็นตามความอยากของเราหรอก เขาจะ เปน็ ไปตามเหตตุ ามปจั จยั ของเขา ถงึ อยากใหเ้ ปน็ เขากไ็ มเ่ ปน็ เพราะเหตปุ จั จยั เขาเป็นแบบไหน เขาก็เป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องทาก็คือ ทาเหตุ ปัจจัยให้ดี มันไม่ใช่อยู่ที่ความอยาก


































































































   250   251   252   253   254