Page 263 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 263

239
สี่ ก็คือสภาวะที่บอกว่า “ดูธรรมในธรรม” สภาวธรรมที่ปรากฏขึ้นมา ในขณะที่เราเจริญกรรมฐานนั้นเป็นอย่างไร ? สภาวธรรมที่ปรากฏขึ้นมา ในขณะที่เราเจริญกรรมฐาน ไม่ว่าจะเป็นอาการพองยุบ อาการของเวทนา อาการของความคิด อันนี้คือสภาวธรรมที่ปรากฏขึ้นให้เราได้รับรู้ ที่เป็น อารมณ์ปัจจุบันจริง ๆ หรือมีอาการเกิดดับที่ปรากฏขึ้นมาเฉพาะหน้า มีแล้ว หมดไป มีอาการกระเพื่อมไหว มีอาการแตกกระจาย หรือแสงสว่างที่ปรากฏ ขึ้นมา ที่เรียกว่า “โอภาส” หรืออาการอื่น ๆ ที่สติเรารับรู้ ตรงนั้นจัดเป็น สภาวธรรมทั้งหมด รวมแล้วสภาวธรรมก็คืออาการของรูปนามนั่นเอง
ทีนี้ ในขณะที่เรากาหนดรู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน สิ่งที่เราต้องตามรู้ คืออะไร ? รู้ถึงอาการพองยุบ รู้ถึงอาการของเวทนา รู้ถึงอาการของความคิด รู้ถึงสภาวธรรมที่เกิดขึ้น และที่เราต้องสนใจกาหนดรู้จริง ๆ ควรจะรู้อะไร ? สิ่งที่เราจะต้องพิจารณาก็คือ การกาหนดรู้อาการเกิดดับของอารมณ์ต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้น รู้อาการเกิดดับของรูปนามที่ปรากฏขึ้น รู้อาการเกิดดับของอาการ พองยุบ รู้อาการเกิดดับของเวทนา รู้อาการเกิดดับของความคิด รู้อาการ เกิดดับของสภาวธรรมที่ปรากฏขึ้นมาเฉพาะหน้าเรา เขาเรียก “ตามกาหนดรู้ อาการพระไตรลักษณ์” คือการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
เพราะฉะนั้น เวลาเราตามกาหนดรู้อาการ จึงต้องมี “เจตนา” ที่จะรู้ ว่าอาการนี้ “เกิด” ในลักษณะอย่างไร ? “ดับ”ในลักษณะอย่างไร ? อย่างเช่น เราตามดูลมหายใจ หรือตามรู้อาการพองยุบ สังเกต เวลาเราหายใจเข้าไปนี่ ท้องพองออก พองออกแล้วมีอาการหยุดหรือหายไปก่อนไหม ก่อนที่จะยุบ เข้าไป ? ยุบเข้าไปสุด มีอาการหยุด หายไปก่อนไหม ก่อนที่จะพองออกมา ? และการพิจารณาให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น แม้แต่ในขณะที่เขากาลังพอง ออก... เป็นเส้น หรือเป็นคลื่น หรือเป็นขณะ ขณะ ขณะ ? ต้องมี “เจตนา” ที่ จะสังเกตอาการเกิดดับของพองยุบ ตรงนี้จะทาให้สติเรารู้อยู่กับปัจจุบัน ได้ต่อเนื่อง


































































































   261   262   263   264   265