Page 290 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 290

266
ตรงนั้นคือลักษณะอาการเกิดดับของเวทนา ประโยชน์ที่เราจะได้จากการกาหนดเวทนาก็คือว่า ถีนมิทธนิวรณ์
จะหายไป คือความง่วงจะหายไป จะทาให้จิตตื่น จิตเราก็จะใส สังเกตดู ว่า ถ้าใครปวดมาก ๆ แล้วหลับได้ คนนั้นเก่งมาก! เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความ ปวดมาก ๆ เราจะหลับไม่ได้เลย จิตต้องตื่นตัวที่จะรับรู้ เพราะฉะนั้น นี่ คือประโยชน์หรืออานิสงส์ของการกาหนดเวทนา นอกจากเราจะเห็นว่ารูปนี้ เป็นที่ตั้งของความทุกข์ เป็นที่ตั้งของเวทนา ที่เราบังคับบัญชาเขาไม่ได้แล้ว ประโยชน์ที่จะได้รับ เราจะได้เห็นตามความเป็นจริงว่า แม้เวทนาที่เกิดขึ้นก็มี การเปลี่ยนแปลง และเวทนาไม่ได้บอกว่าเป็นเรา เมื่อเรากาหนดรู้ว่าจิตที่ทา หน้าที่รู้กับเวทนาเป็นคนละส่วนกัน เวทนาก็สักแต่เวทนา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามธรรมชาติ ตามเหตุปัจจัย ของเขา เราจะได้ประโยชน์ตรงที่ว่าเรามีสติกาหนดรู้ แล้วจิตเราจะตื่นตัว นั่นหมายถึงว่าสติเราจะมีกาลังมากขึ้น ใครที่มีสมาธิมากจนนั่งแล้วหลับ นั่ง แล้วหลับ... ลองดูว่า เมื่อมีเวทนาขึ้นมา แล้วไปกาหนดรู้อาการเกิดดับของ เวทนา เดี๋ยวความง่วงก็จะหายไป อันนี้คือการกาหนดรู้เวทนา
นอกจากรู้ว่ารูปอันนี้เป็นที่ตั้งของกองทุกข์ เวทนาไม่ใช่ของเรา และ เวทนากับจิตเป็นคนละส่วนกันแล้ว ฝากโยคีสังเกตว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เรา กาหนดรู้ในลักษณะอย่างนี้ สภาพจิตเราเป็นอย่างไร ? รู้สึกตื่นตัว ผ่องใส หรือว่าสลัว ๆ มัว ๆ หดหู่ เศร้าหมอง ? อันนี้คือผลที่เกิดขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่ง ที่โยคีต้องพิจารณาหรือต้องสังเกต ถ้าอาจารย์เฉลยไปก่อน เราก็จะคอยรอ อย่างเดียว เดี๋ยวก็หาไม่เจออีก เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราต้องกาหนดรู้คือ รู้ได้ ด้วยตนเองว่าเขาเป็นอย่างไร เพียงแต่บอกเอาไว้ว่าจุดนี้คือสิ่งที่เราต้อง สังเกต เมื่อเวทนาไม่บอกว่าเป็นเรา สภาพจิตใจเป็นอย่างไร ? และเมื่อเห็น เวทนาไม่เที่ยง ควรไหมที่จะไปยึดว่าเป็นของเรา ?
การที่เรากาหนดเวทนาในขณะนี้ ขณะที่ร่างกายของเรายังแข็งแรง


































































































   288   289   290   291   292