Page 299 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 299

275
เวทนาที่เกิดขึ้น หรือมีความคิดเกิดขึ้น หรือมีนิมิตเกิดขึ้น บางคนนั่งแล้ว มีนิมิตเกิดขึ้นมา มีภาพต่าง ๆ ปรากฏขึ้น ภาพในที่นี้มีทั้งภาพคน ภาพ ต้นไม้ ภาพน้าตก ภาพทุ่งหญ้า ภาพอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ เมื่อนิมิตเหล่านี้ เกิดขึ้น ควรทาอย่างไร ? นิมิตเหล่านี้เกิดขึ้น ให้มีสติเข้าไปกาหนดรู้ว่า ภาพ แต่ละภาพที่เกิดขึ้นมา เขามีแล้วดับอย่างไร ? ผ่านมาแล้วเลือนไป หายไป หรือแวบหาย หรือว่ากระจาย ค่อย ๆ เลือนไป ? สิ่งที่ต้องรู้ เจตนาของเรา คือเข้าไปรู้ว่าเขาเกิดขึ้นแล้วดับอย่างไร ? อันนี้อย่างหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่ง “ความต่อเนื่องของอารมณ์ที่เราตามรู้อยู่” เวลาเรา ตามรู้อาการของพองยุบ เราต้องสังเกตว่า เริ่มแรกเขาเป็นอย่างไร และขณะ ต่อ ๆ ไปเขาเป็นอย่างไร ? ที่อาจารย์ถามว่า อาการพองยุบมีลักษณะอย่างไร ? เกิดดับอย่างไร ? เราจะเล่าแค่มีพองแล้วก็ยุบ ถามว่า เขาชัดขึ้น หรือว่า ค่อย ๆ เบาไป ค่อย ๆ บางไป ? นั่นคือสิ่งที่ต้องสังเกต และเมื่ออาการพอง ยุบหมดไปแล้วหรือหายไปแล้ว เราจะกาหนดอะไรดี ? ถ้าพองยุบหมดไป หรือหายไปแล้ว สังเกตดูว่า ขณะนั้นจิตใจเรารู้สึกอย่างไร ? เขาเรียก “สภาพจิต” รู้สึกอย่างไร ? รู้สึกสงบ รู้สึกเบา ๆ รู้สึกเฉย ๆ รู้สึกเงียบ ๆ รู้สึกนิ่ง ๆ หรือว่ารู้สึกว่าง ๆ ?
จุดที่ต้องสังเกตก็คือว่า เมื่อพองยุบหายไปแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลย รู้แต่ว่าง ๆ ว่าง ๆ ในที่นี้หมายถึงข้างหน้าเราไม่มีอาการเกิดดับ ไม่มี อะไรเปลี่ยนแปลง สังเกตนะ เมื่อเรานิ่งในความว่าง เราสารวจในความว่าง นั้นแหละว่า มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นมาในความว่าง ? ถ้าเรานิ่งสังเกต ก็จะมี อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งปรากฏขึ้นมาในความว่างให้เราตามกาหนดรู้ต่อ อย่าง เช่น พองยุบหายไป แล้วเรานิ่งในความว่าง มีความคิดปรากฏขึ้นมาให้รับรู้ เราก็ต้องไปรู้ความคิด รู้ว่าความคิดที่เกิดขึ้นมาดับอย่างไร ?
อันนี้ต้อง “มีเจตนา” ที่จะรู้ว่า ความคิดเกิดขึ้นมาแล้วดับอย่างไร ? ไม่ใช่ ลองดูซิว่า ความคิดนี้จะคิดไปถึงไหน ? เจตนาต่างกันนะ! จะลองดู


































































































   297   298   299   300   301