Page 330 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 330

306
ความร้อนเขาร้อนมากขึ้น หรือค่อย ๆ จาง ค่อย ๆ เบาไป ? นี่คือสิ่งที่ต้อง สังเกตว่าความร้อนเกิดขึ้นแล้วดับอย่างไร มีแล้วหมดไป เกิดแล้วดับไป มี แล้วหายไป ก็คือ “ความไม่เที่ยงของธาตุ” ความเย็นที่เกิดขึ้นก็เช่นเดียวกัน ก็เข้าไปรู้ในลักษณะอย่างนี้ ว่ามีความเย็นเกิดขึ้นแล้วเขาเปลี่ยนไปอย่างไร นี่ คือลักษณะของธาตุที่ปรากฏ
ทีนี้ เวลาเรานั่งกรรมฐาน แล้วรู้สึกว่าตัวเอนตัวโยก จะทายังไง ? บางทีนั่ง ๆ แล้วก็เอน จะหงายหลัง ตามอาการไป ก็จะเอน หงายหลังไป เรื่อย ๆ ถ้ามีอาการอย่างนั้น ให้สั่งหยุด ไม่ต้องคล้อยตาม สั่งจิตเราแล้ว เขาก็หยุด พอเราสั่งหยุด รู้หยุดแต่ละขณะ หยุดใหม่ เอนแล้วก็หยุด เอน แล้วก็หยุด หยุด... จิตเราจะตื่นตัวมากขึ้น อาการเหล่านั้นเกิดจากอานาจ สมาธิ พอเราสั่งแล้วเขาจะตั้งตรง พอตั้งตรงอาการเกิดดับก็จะปรากฏชัดขึ้น มา แล้วเมื่อมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏชัดขึ้นมา ก็ตามรู้อาการเกิดดับ นั้นต่อไป
แล้วถ้ามีอาการสั่น ทายังไง ? สั่งได้ไหม ? ลองดูนะ รู้สึกสั่นทั้ง ตัว หรือแค่รู้สึกสั่น ? ถ้าสั่นทั้งตัวนี่ ถ้าไม่แน่ใจให้ลืมตาได้นะ เดี๋ยวเพื่อน ตกใจ แต่ถ้าแค่รู้สึกสั่นข้างใน มีสติรู้ชัดเมื่อไหร่เขาก็หยุด เป็นสภาวะที่เกิด ขึ้นธรรมดา ไม่ต้องวิตกกังวล บางคนนั่งแบบเหมือนกับจะมีวิบากเข้า เขา บอกอย่างนั้น อันนี้โยคีเคยเล่าให้อาจารย์ฟัง ท่านเป็นพระ พอนั่งสมาธิแล้ว ท่านก็ก้มตัวลง แล้วก็ยืดหัวยื่นคอเหมือนกับเต่า แป๊บเดียวนิมิตเกิดขึ้นมา บอกท่านเคยฆ่าเต่าตอนที่เป็นฆราวาส ท่านก็เลยรู้สึกขึ้นมา พอรู้สึกอย่างนั้น ก็เลยแผ่เมตตา หลังจากนั้นก็หาย อันนี้ท่านเล่าให้ฟัง
แต่อาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้น ให้มีสติกาหนดรู้ รู้ให้ชัด พอเรามีสติปุ๊บเขา ก็จะหยุด ตรงนั้นล่ะคือการกาหนดรู้อาการที่เกิดขึ้น ที่บอกว่า ทุก ๆ อาการ ที่เกิดขึ้นให้จิตเรารับรู้ ตรงนั้นจัดเป็น “สภาวธรรม” ทั้งหมด แสดงธรรมชาติ ของรูปนามร่างกายจิตใจของเราในปัจจุบัน ทุก ๆ อาการที่เรารับรู้ ไม่ว่า เย็น


































































































   328   329   330   331   332