Page 336 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 336

312
สภาพจิตเรา ดูสิ เมื่อวานเป็นแบบหนึ่ง วันนี้ก็เปลี่ยนอีกแบบหนึ่ง มันต่างจากอยู่ที่บ้านตรงไหน ? ตื่นเช้าขึ้นมา หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พอเย็น กลับบ้านมา หน้าตาเปลี่ยนไป! เพียงแต่ให้เราเข้าใจ “ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง!” แล้วทาอย่างไรใจเราจึงจะไม่เปลี่ยนไปในทางที่เป็นทุกข์ ตรงนี้แหละ! การที่ เราเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วเรารับไม่ได้ เพราะเราเข้าใจว่าเขาต้องไม่ เปลี่ยน ฉันเปลี่ยนได้คนเดียว! ใช่ไหม ? เขาต้องไม่เปลี่ยน! พอเขาเปลี่ยน เราก็เป็นทุกข์ ไม่เป็นอย่างที่เราปรารถนา อย่างที่เราคาดหวัง ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นแหละคือทุกข์ ถ้าปรารถนาแล้วได้ เราก็ไม่ทุกข์
ไม่ใช่ไม่ให้ปรารถนานะ แต่ปรารถนาแล้วต้องเข้าใจ ไม่ได้ก็ไม่ทุกข์ ไม่เป็นไร! เหมือนที่เราปฏิบัติธรรมนี่ ต้องมีความปรารถนา ใครปฏิบัติธรรม แล้วไม่มีความปรารถนาหรือไม่มีเป้าหมาย ? อย่างน้อยก็มีความอยาก บ้างล่ะ ใช่ไหม ? อยากสงบ อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น... เพียงแต่ว่าอยาก อะไร ? ไม่ใช่อยากไม่ได้นะ ถ้าไม่อยาก เราไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก ใช่ไหม ? อยากปฏิบัติ อยากที่จะมีสติ อยากที่จะมีปัญญา มีสติมีปัญญาทาไม ? นั่น แหละสิ่งที่เราต้องถามตัวเองต่อ มีสติมีปัญญาเอามาทาอะไร ? สติปัญญา เกี่ยวกับอะไร ? มหาศาล ประโยชน์เยอะ
การที่เรามีสติมีปัญญา รู้ว่ารูปนามกายใจอันนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ รูปนามกายใจอันนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดดับอยู่ตลอดเวลา เกิดขึ้นมาแล้ว ดับไป มีแล้วหายไป เราก็จะเห็นว่าขณะที่เราก้าวเดิน แค่ก้าวเดียวยังมีอาการ เกิดดับเป็นขณะ ขณะไปเลย ยังไม่เที่ยงเลย แล้วเราจะไปยึดอะไรได้ ? การ ที่เราไม่ยึดติดในรูปนาม ไม่ใช่ว่าไม่อาศัยรูปนาม รูปนามอันนี้เป็น “ที่อาศัย” แต่ “ไม่ใช่เป็นเจ้าของ” ส่วนใหญ่เราก็ยึดเอาเป็นเจ้าของ ยึดว่าเป็นของเรา จริง ๆ แล้วเราเป็นผู้อาศัย
พอถามจริง ๆ แล้ว เราคนนั้นคือใคร ? ไม่รู้อีกว่าคือใคร! รู้แต่ว่ามี จิตที่ทาหน้าที่รู้อยู่ พอหลงเข้าไปว่าเป็นเรา ตาเป็นเรา ใจเป็นเรา... พอไปดู


































































































   334   335   336   337   338