Page 355 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 355

331
สม่าเสมอ
พระอาจารย์ : ขณะที่จิตเราสงบหรือจิตเราว่าง อาการเกิดดับที่รูป
อาการเต้นของหัวใจ พอเต้นเร็วจนเราใช้คาบริกรรมไม่ทันหรือกาหนดไม่ทัน ลองดูว่า ถ้าเรา “รู้ชัด” ไปเลย โดยที่ไม่ต้องใช้คาบริกรรม สติเราไวกว่า ไหม ? ให้รู้ชัดไปเลย ถ้ารู้ชัดได้โดยที่ไม่ต้องใช้คาบริกรรมก็ไม่ต้องบริกรรม ให้ตามรู้ให้ชัดไป จนเร็วถึงที่สุดแล้วเขาหายอย่างไร ? ดับอย่างไร ? ไม่ต้อง ห่วงเรื่องคาบริกรรม เพราะถ้าเราบริกรรมแล้วสติเราช้า ไม่ทันอาการ ก็ไม่ จาเป็น
โยคี : ขณะเดินจงกรม จะกาหนดคาว่า “ยืน” จากศีรษะไปถึงสะดือ แล้วต่อคาว่า “หนอ” จากสะดือไปถึงปลายเท้า แต่การกาหนดถูกเปลี่ยนไป เองเป็นอัตโนมัติ โดยกาหนดคาว่า “ยืน” จากศีรษะไปถึงปลายเท้า และ คาว่า “หนอ” ไปอยู่ที่ปลายเท้า ตอนกาหนดย้อนกลับก็เช่นกัน
พระอาจารย์ : คากาหนดถึงจะกาหนดเปลี่ยนตาแหน่งไป ก็ไม่เป็นไร ถึงจะเปลี่ยนตาแหน่งไปก็ไม่ผิด ยืนหนอ... ถึงกลางตัว แล้วก็ยืน...แล้วหนอ ถึงปลายเท้า ใหม่ ๆ ตามไปทัน ต่อไปนี่มันอาจจะเปลี่ยนตาแหน่งไปชัด ที่ปลายเท้าเลยก็ไม่เป็นไร ก็ไม่ผิด
โยคี : จะละอวิชชา อกุศลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วได้อย่างไร โดยไม่ให้ เหลืออยู่ที่จิตอีกเลย ?
พระอาจารย์ : อันนี้สาคัญมาก ๆ การที่จะละอวิชชาที่ตกค้างอยู่ใน ใจ ที่เคยสั่งสมมา เพื่อไม่ให้เหลืออยู่ในจิตของเราอีกเลยนี่ ต้องใช้ “ปัญญา อย่างยิ่ง” ต้องกาหนดรู้ความจริงให้ชัด! ปัญญาอย่างยิ่งเริ่มจากตรงไหน ?
เรมิ่ จากการทเี่ รากา หนดรอู้ าการของรปู นามนแี่ หละ การรคู้ วามจรงิ ละ อวิชชาเกี่ยวกับเรื่องอะไร ? ถ้าอวิชชาเกี่ยวกับการยึดมั่นถือมั่นที่ทาให้ทุกข์ เราจะเหน็ งา่ ย แตอ่ วชิ ชาเรอื่ งอนื่ อนั นเี้ ราอาจจะไมร่ ู้ แตท่ แี่ น่ ๆ กค็ อื วา่ อวชิ ชา ไหนที่เรายึดแล้ว เรานามาใช้ ไม่รู้ตามความเป็นจริงของรูปนาม วิธี “ละ” ก็


































































































   353   354   355   356   357