Page 39 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 39

15
เหล่านั้นก็จะหายไปด้วย มีอยู่อย่างเดียว คือ “ละความรู้สึกว่าเป็นเรา” ดับ ความรู้สึกว่าเป็นเรา เป็นฉัน สังเกตไหม ถ้าไม่มีเราเมื่อไหร่ อะไรเกิดขึ้น ? เราก็ไม่ทุกข์ เวลาไม่มีเรา เสียงดังที่เคยทุกข์ ก็ไม่ทุกข์ เรื่องที่คิดแล้วทุกข์ ก็ไม่ทุกข์ แต่เมื่อมีเราขึ้นมา เรื่องไม่น่าจะทุกข์ ก็ทุกข์ เพราะฉะนั้น ถ้าเรา ละความเป็นเรา ดับความรู้สึกว่าเป็นเราได้บ่อย ๆ บ่อย ๆ นะ พิจารณา บ่อย ๆ ดูที่จิตเรา ตอนนี้มีตัวตนไหม ? ตอนนี้รู้สึกว่ามีเราไหม ? แค่ สังเกตที่จิตเราบ่อย ๆ พอมีตัวตน ก็ดับตัวตนเสีย พอรู้สึกว่ามีเราเมื่อไหร่ ก็ดับความเป็นเรา พอดับความเป็นเรา จิตรู้สึกเป็นไง ? มันว่าง เบาขึ้น
พอเบาขึ้น ทายังไงจิตที่เบาจะตั้งอยู่นาน ? จิตที่ว่างจะอยู่นาน ? ก็ ให้จิตที่ว่างเบากว้างออก ให้กว้างหน่อย เราจะได้อยู่กับความรู้สึกที่เบาที่ว่าง ได้นาน ถ้าจิตที่เบาว่างอยู่แค่ในตัว ไม่นาน.. เดี๋ยวหาย เพราะมันแคบ จิตที่ เบาให้กว้างกว่าตัว
พอดบั ตวั ตนไดแ้ ลว้ จติ รสู้ กึ เบา รสู้ กึ วา่ ง อยา่ งทเี่ ราฟงั แลว้ เราสามารถ เพิ่มความสุขเข้าไปก็ได้ เพิ่มความอ่อนโยน ความนิ่มนวล เข้าไปในใจที่ ว่าง ๆ เบา ๆ เพื่ออะไร ? เพื่อให้สมาธิเราดีขึ้น ทาให้จิตเรามีพลังมากขึ้น ไม่ใช่แค่ว่าง ๆ เบา ๆ นะ ไม่ใช่แค่ว่าง ๆ เบา ๆ เพิ่มความสุขได้ ต่อ ไปเราฝึกเรานั่งสมาธิใช่ไหม เราอยากให้จิตสงบ ถ้าเราทาจิตให้ว่างได้ เรา สามารถเพิ่มความสงบเข้าไปได้เลย เหมือนกับเพิ่มความสุขนั่นแหละ เรา เติมความสุขอย่างไร ก็เติมความสงบอย่างนั้น พอเพิ่มความสงบเข้าไปใน ใจที่ว่าง ๆ ใจที่ว่าง กว้างเท่าศาลา เราก็ให้ความสงบกว้างเท่าศาลา แล้วลอง ดูว่ารู้สึกสงบเร็วขึ้นไหม
ถ้าอยากให้ความสงบตั้งอยู่นาน ให้ใจที่สงบตั้งอยู่นาน ๆ ก็ให้เอาใจ ที่สงบนั่นแหละทาหน้าที่รับรู้ทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้น จาได้ใช่ไหม ? ให้ใช้ใจ ที่สงบนี่ทาหน้าที่รับรู้ ขณะที่เห็น ให้ใจที่สงบกว้างกว่าภาพที่เห็น ขณะที่ได้ ยินเสียง ให้ใจที่สงบกว้างกว่าเสียงที่ได้ยิน ขณะที่นั่ง ให้ใจที่สงบกว้าง


































































































   37   38   39   40   41