Page 41 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 41

17
ทีนี้ บางทีโยคี.. พวกเราปฏิบัติก็จะรู้สึกว่า เวลาพอเริ่มปฏิบัติ เราก็ ตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก ๆ ตั้งเป้าหมายว่าพอเริ่มนั่งฉันจะไม่คิดอะไรเลย พอเริ่มปฏิบัติ ยังไม่เคยปฏิบัติเลย มาใหม่ ๆ อยากนั่งสมาธิให้ได้ อยากนั่ง สมาธิให้ได้ คาว่า “สมาธิให้ได้” เราก็มุ่งไปที่ครูบาอาจารย์เลยว่า ถ้าเข้าสมาธิ จิตจะเป็นอย่างนี้นะ จะสงบ ไม่คิดอะไรเลย จะนิ่งอย่างเดียว ตรงนี้... พอเราเริ่มนั่ง เราก็จะนิ่งเหมือนท่านเลย เราก็อยากนิ่งเหมือนท่านเลย เราลืมไปว่าท่านปฏิบัติมากี่ปีแล้ว ทาไมเรานั่งไม่ได้เหมือนท่านเลย ? ดูสิ ท่านนิ่ง สงบ ดูสิ คุณยายนั่งได้นานจังเลย เงียบ... เรานั่งไม่ได้เลย ๕ นาที ๑๐ นาที ก็เริ่ม..เดี๋ยวคิดโน่นคิดนี่ ไม่นิ่ง หารู้ไม่ว่าคุณยายนั่งคิดหรือเปล่า เราก็ไม่รู้ ตัวสงบแต่ใจคิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่างหนึ่ง เราก็ลืมคิดว่า คุณยายน่ะนั่งมานานแล้ว นั่งมานาน ๑๐ กว่าปีแล้ว พอเราเริ่มนั่งก็อยาก สงบเหมือนท่าน
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรม เราต้องพัฒนาตัวเอง ให้รู้ตัวเอง เป็นหลัก วันนี้นั่งได้ จากไม่เคยนั่งเลยมาปฏิบัติ สงบได้สัก ๕ นาที เราเก่ง แล้วนะ จากไม่เคยสงบเลย เริ่มพัฒนาขึ้นแล้ว นั่งต่ออีก... ครั้งที่ ๒ ได้สัก ๓๐ นาที เก่งแบบก้าวกระโดดเลยนะ จาก ๕ นาทีเป็น ๓๐ นาทีเนี่ย ถือ ว่าเก่งก้าวกระโดดเลย ถึงแม้ไม่เท่ากับคุณยายก็ตาม ต้องรู้ พอใจ ใน สภาวธรรมของเรา คนเราไม่เท่ากัน คิดดู... ๓๐ นาทียังขนาดนี้ ถ้าทา เป็นหลายสิบปีเหมือนคุณยายจะขนาดไหน ทาไมจะทาไม่ได้ ? ตัวเราต้องรู้ อย่างนี้ ต้องพอใจในแต่ละขณะ แต่ละขณะ
ชีวิตของเราก็เหมือนกัน สภาวธรรมกับชีวิต เป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน สภาวธรรมที่เกิดขึ้นเวลาเราปฏิบัติเป็นไปในแบบเดียวกับชีวิต ทาไมถึง เป็นอย่างนั้น ? คนที่มีอารมณ์ร้อน สภาวธรรมก็จะวุ้บวั้บ ๆ ขึ้นลงเร็ว คนที่จิตสั่งงานเร็ว สภาวธรรมก็ขึ้นลงเร็ว คนใช้ชีวิตโลดโผน สภาวธรรม ก็โลดโผน คนสู้ชีวิต สภาวธรรมก็จะเป็นอย่างงั้น คนที่มีธรรมชาติทาอะไร


































































































   39   40   41   42   43