Page 431 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 431

407
ไหม ? อาจจะไม่เหมือนกัน ได้ไม่เท่ากัน แต่ทาได้ไหม ? ทาได้ แต่อย่าไป บอกว่าเราต้องเหมือนคนอื่น เราต้องได้เท่าเขา ถึงจะเรียกว่าทาได้ อันนั้น ไม่ดีนะ! แต่ถ้าเราทาแล้วรู้สึกเบาลง เบาลง ก็ถือว่าในกาลังของเรา
แต่ที่พูดนี่ให้รู้ว่าเวทนาที่เกิดขึ้น ๑) เขาตั้งอยู่ในที่ว่าง ๒) รู้อาการ เกิดดับ หรือถ้าเป็นก้อนแล้วเขาแก่กล้า เราถอย นิ่ง แล้วรับพลังจากเวทนา เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจว่าเราเอาพลังเวทนามาได้อย่างไร พอถามท่านแม่ครู ท่าน บอกว่าการดึงพลังจากเวทนา ลองสังเกตดูนะว่า เวลามีเวทนาแก่กล้ามาก เท่าไหร่ ถ้าเราสู้ จิตเราจะนิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพราะความแก่กล้าของเวทนา อันนั้นมันจะมากกว่า พอเรานิ่งปุ๊บ พลังที่แก่กล้าของเวทนานั้น น้อมเข้ามาใส่ ที่จิตเราปุ๊บ มันกลายเป็นพลังที่เป็นกุศล แทนที่จะเกิดความทรมาน...
เมื่อมันเป็นพลังฝ่ายกุศลปุ๊บ เวทนาเริ่มอ่อนกาลังลง แต่ไม่ใช่เห็น อาการดับของเวทนานะ อันนี้ส่วนหนึ่ง เวทนาอ่อนกาลังลงแล้ว พอจิตเรา มีกาลัง เอาจิตที่มีกาลังไปรู้ว่าเวทนาที่อ่อนลงเขาเกิดดับอย่างไรต่อ ไปรู้ “เวทนาปรมัตถ์” ดูความไม่เที่ยงของความปวดที่มันแปลบ ๆ หรือสว่าง วาบ ๆ ๆ นั่นคืออาการเกิดดับของเวทนา หรือมันวุบ ตึ๊บ ๆ ๆ แล้วก็ตาม ๆ จนหมด นั่นแหละคือตามรู้อาการเกิดดับของเวทนา
เริ่มต้นด้วยการมีบรรยากาศรองรับ มองผ่านบรรยากาศ ทีนี้ที่บอก ว่าบรรยากาศแต่ละอย่างอยู่ที่เจตนาของเรา อยู่ที่เจตนาของเราอย่างไร ? บรรยากาศที่เกิดขึ้นต้องเป็นบรรยากาศของความรู้สึกที่เราได้เจอแล้วเคย เกิดขึ้นแล้ว ความสงบเราก็เคยเห็นเคยสัมผัส ความสุขก็เคยเห็นเคยสัมผัส เคยเกิดขึ้นกับเราแล้ว ความว่างความโล่งความโปร่งความเบา เราก็เคยเห็น เคยเกิดขึ้นกับเราแล้ว เมื่อเคยเกิดขึ้นแล้ว ทาไมถึงเอาอารมณ์นั้นไปอยู่ใน ความว่างได้ ? การที่จะเอาอารมณ์นั้นเข้าไปอยู่ในความว่างได้ เราก็ต้องยก จิตขึ้นสู่ความว่างก่อน ทาจิตให้ว่างปุ๊บ มันก็จะอยู่ในความว่างเอง เพราะเรา เคยเจอ เคยเกิดแล้ว มันจะง่าย


































































































   429   430   431   432   433