Page 441 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 441

417
หนึ่งแบบนี้ยังดีขนาดนี้ ถ้าต่อไปเป็นขณะ ๆ ๆ จะดีอย่างไร ? ที่จริงแล้วเราทาแบบนี้ รู้สึกอย่างนี้ ดีแบบนี้ ควรที่จะน้อมเข้ามา ใส่ตัว ทาให้ต่อเนื่องหรือเปล่า ? ที่เขาใช้ว่า “โอปนยิโก” เป็นธรรมที่ควร น้อมเข้ามาใส่ตัว “ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ” เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน เราทาได้เราก็จะรู้ได้ว่ามันดีอย่างไร ถ้าเราทาไม่ได้เราก็ไม่รู้ว่ามันดีอย่างไร นั่นล่ะเป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน เป็นสิ่งที่ผู้เข้าถึงก็จะรู้ได้ว่าเป็นอย่างไร นี่คือสภาวธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น สภาวธรรมคือสภาพจิตตรงนี้ที่เกิดขึ้น ธรรมตรงนี้เรียกว่าอะไร ? คือความเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตน จิตที่มี กาลัง ปัญญาที่เห็นถึงความเป็นอนัตตา ไม่มีเรา มีแต่ความรู้สึกที่ทาหน้าที่ รับรู้ และเห็นชัดว่าความรู้สึกตรงนั้นก็ไม่บอกว่าเป็นเรา และเป็นความรู้สึก
ที่ว่าง เบา ใส หรือไม่มีอกุศล และไม่มีกิเลสตัวไหนเลยที่เกิดขึ้นขณะนั้น เพราะฉะนนั้ จงึ รสู้ กึ วา่ เปน็ จติ ทพี่ เิ ศษ เหน็ ไหม เรารไู้ ด!้ ถา้ เราพจิ ารณา ดูเราจะเห็นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทาไมจิตดวงนี้เกิดขึ้นได้ เราจะเห็นว่าเมื่อ ก่อนทาไมหาไม่เจอ ตอนนี้ทาไมเกิดขึ้นได้!? เพราะปัญญาของเรา ไม่ใช่ เพราะบังเอิญมันเกิดขึ้น แต่เกิดเพราะมีเจตนาที่เราทาแบบนี้ คือกรรมของ เราที่เป็นกรรมฐาน เรารู้ว่าเราทาแบบนี้จึงเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่เกิดด้วยบังเอิญ หรืออยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมา แต่เกิดเพราะการกระทาของเรา ตรงนี้เรียกได้ว่า เป็น “กรรมหรือกรรมฐาน” สามารถทาได้ พิสูจน์ได้ เกิดขึ้นได้จริง ใครทา
คนนั้นก็จะรู้
จริง ๆ ไม่ต่างหรอก เหมือนน้าตาลบอกว่าหวาน คนไม่ชิมจะรู้ว่า
หวานเป็นอย่างไรไหม ? เชื่อว่าเขาหวานแต่ไม่เคยแตะถูกลิ้นเลย จะรู้ไหม ว่าหวานเป็นอย่างไร ? ธรรมะก็เหมือนกัน จิตที่ว่างก็เหมือนกัน ถ้าคนไม่ เคยสัมผัสเลย จะรู้ว่าว่างเป็นอย่างไรไหม ? รู้ว่าความว่างเป็นสิ่งที่ดี ความ ว่างมีประโยชน์หลายอย่าง แต่ไม่เคยเข้าถึงความว่างเลย ก็ได้แต่จินตนาการ ไปต่าง ๆ นานา เขาเรียก “ตรรกะ” ว่างคงเป็นอย่างนี้มั้ง ว่างคงไม่คิดอะไร


































































































   439   440   441   442   443