Page 454 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 454

430
การที่เราพอใจที่จะกาหนดรู้ ตรงนี้เขาเรียกเป็น “ตัวฉันทะ” เมื่อมีตัว ฉันทะ มีเจตนา มีมนสิการ มีธัมมวิจยะ คือใส่ใจที่จะพิจารณากาหนดรู้ ว่าเขาเกิดดับอย่างไร จะทาให้เราเห็นอาการตามความเป็นจริงของรูปนาม ขันธ์ ๕ ที่เป็นเวทนาขันธ์ ว่ามีการเกิดดับเปลี่ยนแปลงอย่างไร ที่บอกว่า ควรหรือที่จะเข้าไปยึดว่าเป็นตัวเราของเรา เวทนาเป็นของเรา จิตที่ทาหน้าที่ รู้เป็นเรา ? หรือเป็นเพียงจิตที่ทาหน้าที่รู้ “ไม่ใช่เรา” ? เมื่อไหร่ก็ตามที่เรา รับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกว่าเป็นเรา หรือมีเราเป็นผู้รับรู้ ก็จะเป็นที่ อาศัยเกิดขึ้นของอกุศลของกิเลสต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโลภะ โทสะ หรือ โมหะ ก็ตาม เพราะกิเลสเขาอาศัยความเป็นเราเกิดขึ้น เมื่อไหร่ไม่มีเรา เขาก็เข้า ไม่ได้ แต่เมื่อมีเราเกิดขึ้น กิเลสก็ตามมา
แตว่ า่ โดยสภาวะแลว้ เกดิ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ บางทเี ราตามไมท่ นั ทไี่ มท่ นั เพราะสติเราไม่ไว ที่สติไม่ไวเพราะอะไร ? เพราะจิตเราไม่กว้าง สติเราไม่ ใหญ่ สติเราเล็กกว่าอารมณ์ เล็กกว่าตัว ถ้าสติเราใหญ่ จิตเรากว้าง อารมณ์ จะเข้าไม่ถึงตัว เข้าไม่ถึงใจเรา เพราะเขาจะปรากฏอยู่ในที่ว่าง ๆ เหมือนที่เรา นั่งอยู่ขณะนี้ ถ้าเราสังเกตดู ขณะที่ใจเรากว้าง จิตที่รู้สึกเบา ๆ กว้างกว่าตัว กว้างเท่าห้อง กว้างเท่าศาลานี้ ลองดูว่า รู้สึกไหมว่าเรานั่งอยู่ที่ไหน ? นั่งอยู่ บนพื้น หรือนั่งอยู่ในที่ว่าง ๆ ? ตามความรู้สึกนะ ไม่ใช่ตามความคิด! ตาม ความรู้สึกจริง ๆ ไม่ใช่คิดว่า “น่าจะ” หรือจาได้
ตัวสัญญา คาว่า “จาได้” นี่ เราจาได้ว่าเรานั่งอยู่ในศาลา นั่งอยู่บนที่ นั่ง แต่ด้วยความรู้สึกจริง ๆ รู้สึกไหมว่านั่งอยู่ที่ไหน ? เขาบอกไหมว่านั่งอยู่ ที่ไหน ? นี่คือการสังเกตการกาหนดรู้ตามความเป็นจริงของสภาวะที่เกิดขึ้น เพราะอะไร ? เพราะอารมณ์ต่าง ๆ กิเลสต่าง ๆ ความทุกข์ต่าง ๆ นี่ เขา ปรากฏที่ไหน ? เขาเริ่มจากปรากฏที่จิตของเรา ความรู้สึกของเรา ความไม่ สบายใจ ความทุกข์ จะชัดอยู่ที่ไหน ? ก็ชัดที่ใจของเราก่อน ชัดที่ความรู้สึก ของเราก่อน ถามว่า เราเห็นไหม ? ไม่เห็นแต่รู้สึกได้ รู้ว่าหนัก รู้สึกอึดอัด


































































































   452   453   454   455   456