Page 455 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 455

431
รู้สึกขุ่นมัว รู้สึกกระสับกระส่าย รู้สึกร้อน แห้งแล้ง ห่อเหี่ยว... ถามว่า เกิด ที่รูปไหม ? ที่รูปเกิดทีหลัง แต่ปรากฏชัดในความรู้สึกก่อน
ฉะนั้น เวลาเราจะดับ จะดับที่ไหน ? ก็ดับที่ความรู้สึกหรือที่ใจนั่น แหละ เพราะฉะนั้น เรารู้สึกได้ทันทีในอารมณ์ที่เกิดขึ้น ในสภาวะที่เกิดขึ้น จิตที่ว่างเบาก็ชัดในความรู้สึก จิตที่สว่างก็ชัดในความรู้สึก จิตที่ขุ่นมัวก็ชัด ในความรู้สึก เพราะฉะนั้น จิตที่เป็นกุศลก็ชัดอยู่ในความรู้สึก จิตที่เป็น อกุศลก็ชัดอยู่ในความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นกายกรรมวจีกรรมที่เป็นกุศลหรือ อกุศลก็อาศัยความรู้สึกหรือจิตของเรา เริ่มต้นด้วยจิตที่เป็นกุศลหรืออกุศล อาการทางกายทางวาจาจึงปรากฏขึ้นมาว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
เพราะฉะนั้น การเห็นจิตตัวเอง ที่เรารู้สึกชัด รู้สึกได้ทันที ก็จะเป็น การกาหนดรู้อารมณ์ได้เร็ว หรือจะดับอารมณ์ก็ดับได้เร็ว จิตว่างก็รู้ชัด จิต เบาก็รู้ชัด จิตสงบก็รู้ชัด จิตผ่องใสก็รู้ชัด จิตอิสระก็รู้ชัดว่าอิสระ เราปฏิบัติ เพื่อให้พ้นจากเครื่องพันธนาการ ไม่ว่าจะด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ความมี ตัวตนต่าง ๆ อกุศลต่าง ๆ ถามว่า จะทาอย่างไรให้อกุศลเหล่านั้นหลุดจาก ใจเรา มีความอิสระ ไม่ถูกพันธนาการด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ? ถ้าจิตเรา ผ่องใสบริสุทธิ์เบิกบาน ลองดูว่า รูปนามของเราจะเป็นอย่างไร ?
นั่นคือเวลาเราพิจารณา เวลาเราปฏิบัติทุกครั้ง กาหนดอารมณ์อะไร ก็ตาม การกาหนดรู้อาการเกิดดับของพองยุบ ของเวทนา ของความคิด หรือ อาการของ รูป เสียง กลิ่น รส ที่เข้ามากระทบ จะมีผลต่อสภาพจิตใจของ เรา ทุกอย่างเข้ามาแล้วก็มีผลดี ไม่ดี หรือเฉย ๆ นั่นคือส่งผลต่อสภาพจิตใจ ของเรา เพราะฉะนั้น การสังเกตอาการเกิดดับของอารมณ์ต่าง ๆ ให้รู้ชัดว่า เขาเปลี่ยนอย่างนี้ เกิดดับแบบนี้ เปลี่ยนแบบนี้... ว่างก็รู้ชัดว่าว่าง เบาก็รู้ชัด เบา สงบก็รู้ชัดว่าสงบ อาการเกิดดับเร็วให้รู้ว่าเร็ว ช้าให้รู้ว่าช้า เขาเรียกว่า “รู้ชัดในรู้” ไปเลย ให้รู้ชัดจริง ๆ ลองดูนะ สังเกตต่อเลยว่า สภาวะของเรา ตอนนี้เป็นอย่างไร ?


































































































   453   454   455   456   457