Page 47 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 47

23
ทุกข์มากขึ้น นั่นแหละคือเราขังตัวเองอยู่ในความทุกข์ เขาทาเรื่องนี้ให้ เราคิด เมื่อก่อนเรื่องโน้นก็ทากับเรา เรื่องนู้นก็ทากับเรา เรื่องนู้นอีก เรื่องนี้ อีก... คิดแต่ทาให้เราทุกข์มากขึ้น ๆ เราก็เลยติดทุกข์ กิเลสเครื่องร้อยรัด สัตว์ให้ติดอยู่ในโอฆะ ติดอยู่ในวัฏสงสาร
กิเลสตรงไหน ? ความไม่รู้ แล้วเราก็คิดแต่เรื่องที่ทาให้เราทุกข์ หาเหตุแห่งทุกข์ ไม่ใช่หาเหตุที่จะดับทุกข์ แล้วเราก็ติดอยู่กับทุกข์ ทุกข์ก็ ติดตัวของเราไปหลายวันหลายเดือนเลย ถึงแม้เราจะเดินออกจากตรงนั้น แล้ว แต่ทุกข์ก็ยังติดกับตัวเราไปตั้งนาน ติดตัวเราไป ติดใจเราไป เพราะ เราคิดแต่เรื่องที่ทาให้เราทุกข์ ถ้าเราคิดหาวิธีดับทุกข์ ไม่ยาก ! หาไม่ ยากหรอก เราแยกระหว่างความทุกข์กับปัญหา “แยกระหว่างความทุกข์กับ ปัญหา”
ตรงนี้มีพระสูตรสูตรหนึ่ง พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบ บุรุษที่ถูกยิง ด้วยลูกศร ศรปักอก พระพุทธเจ้าถาม คนที่ฉลาดควรจะทาอย่างไร ? ควร จะถอนลูกศรก่อน หรือจะไปตามหาคนที่ยิงก่อน ? ถ้าผู้มีปัญญา ภิกษุก็ ตอบว่า ต้องถอนลูกศรก่อน ถอนลูกศรเพื่อรักษาแผลให้หาย ถ้าไม่ถอน ก่อน กว่าจะหาคนยิงเจอ.. ตาย ! ปัญหาที่ทาให้เราทุกข์ก็เหมือนกัน อุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา ที่ทาให้เราทุกข์ ให้ดับความทุกข์ก่อน
ความทุกข์อยู่ที่ไหน ? อยู่ตรงนี้ อยู่ที่ใจของเรา ความทุกข์อยู่ตรงนี้ ทั้งหมดเลย เราเดินไปไหนก็ยังติดตัวเราไป เป็นภาชนะอย่างดี ไม่มีรูรั่ว แต่ความสุขนี่ตั้งไม่อยู่เลย รั่วหมด! ความสุขความว่างนี่รั่วหมด ไม่ค่อย อยู่เลย แต่ความทุกข์นี่เก็บได้แน่นเลย มันอาจจะต่างกัน ตรงที่ความสุข มันเบา ความสุขบาง ก็เลยเก็บไม่อยู่ ความทุกข์มันเป็นก้อน กลุ่มก้อนแน่น หนัก ๆ ทึบ ๆ เก็บได้ดี เพราะฉะนั้น การสลัดความทุกข์ ถอนความทุกข์ จากตัว จึงเป็นสิ่งสาคัญ พอทุกข์หาย ใจสงบ แล้วค่อยไปแก้ วิธีแก้เรารู้เอง แหละ เราเป็นคนคลุกคลีอยู่กับปัญหา ถ้าเราพิจารณาด้วยความเป็นธรรม


































































































   45   46   47   48   49