Page 49 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 49

25
พิจารณาบ่อย ๆ การที่เราจะชาระจิตของเราให้ขาวรอบ ให้บริสุทธิ์จริง ๆ จึงต้องดูที่จิตของเราบ่อย ๆ
การไมท่ า บาป.. ทา่ นบอกวา่ ตอ้ งรจู้ กั สา รวมกาย สา รวมวาจา สา รวมใจ “สารวมวาจา” สารวมอย่างไร ? พูดยากนะ ไม่พูดอะไรเลยก็ไม่ได้ พูดมาก ก็ไม่ดี ก็ต้องรู้จักพูดในเรื่องที่ควรพูด พิจารณาดูว่าพูดแล้วเป็นสาระ หรือ ไม่เป็นสาระ การสารวมกาย สารวมวาจา ไม่พูดส่อเสียด นั่นแหละ.. ศีล ข้ออะไรนะ ? ข้อ ๔ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคาหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ถ้าเรา พิจารณาตรงนี้เราพูดมากไปแล้ว เพ้อเจ้อหรือเปล่า ? พูดเรื่องจริงหรือ เปล่า ? พูดเรื่องที่เป็นอยู่หรือเปล่า ? พูดแล้วมีปัญหาไหม ? นั่นแหละ พูด แล้วไม่มีปัญหาพูดไปเหอะ แต่ถ้าพูดมาก ๆ เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก
เพราะฉะนั้น การสารวมกาย สารวมวาจา อย่าพูดในสิ่งที่ไม่จาเป็น ต้องพูด พูดให้น้อย พูดแล้วไม่มีปัญหา ง่าย ๆ พูดแล้วไม่ก่อปัญหา คาพูด ไหนที่เราพูดแล้วมีปัญหาแน่เลย ไม่พูดดีกว่า ถ้าเราไม่รู้ พูดแล้วมีปัญหา ทีหลัง คาพูดนี้จะไม่เอาอีกแล้ว แก้ไปเรื่อย ๆ เราไม่รู้ทีเดียวทั้งหมดหรอก พูดส่อเสียด พูดคาหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ถ้าเรานินทาผู้อื่นเนี่ย.. เข้าข่ายนะ นินทาผู้อื่นอยู่เรื่อย ๆ อันนี้ก็เข้าข่าย พูดแล้วไม่ได้ประโยชน์ ไม่ดีทั้งเรา และผู้อื่น เราไม่ได้สอนเขา เราพูดอยู่แต่เรา เราก็เสวยสิ่งที่ไม่ดีอย่างเดียว อันนี้สารวมกาย สารวมวาจา ถ้าเราสารวมใจได้ ใจให้เป็นกุศลอยู่เสมอ แล้วทางกายก็จะดีด้วย
สารวมกาย.. อย่างพระเรา ก็สอนให้สารวมกาย เดินก็ต้องระวัง คน ไทยน่ะ..พอเป็นนักบวชต้องมีกิริยาเหมือนผู้หญิง ต้องดูงดงาม จะนั่งจะ ลุกก็ต้องระวัง จะเดินก็ต้องระวัง สังเกตสิว่า พอเห็นพระไหนเดินบู๊ ๆ หนอ่ ย... ไมส่ า รวมเลย พอพระไหน... ดเู รยี บรอ้ ยจงั เลย เดนิ สา รวมจงั เหมอื น เป็นอย่างนั้นเลย พระเดินเร็วก็ไม่ได้ ไม่สารวม พระหัวเราะก็ไม่ได้ แม้แต่ พระยิ้มก็ยังบอกว่าไม่สุภาพ พระยิ้มก็ดูเหมือนไม่สารวม เพราะอะไร ?


































































































   47   48   49   50   51