Page 490 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 490

466
วาบหาย... อันนี้คือลักษณะของอารมณ์ที่เป็นปรมัตถ์ เป็นอาการของเขา ที่ปรากฏขึ้นมา พิจารณาสัจธรรมตามความเป็นจริงที่บอกว่าเป็นปรมัตถ์ ไม่มีอะไรบอกว่าเป็นของเรา แม้แต่รูปนามกายใจอันนี้ ไม่มีอะไรเลยบอก ว่าเป็นของเรา แต่โดยสมมติสัจจะหรือโดยบัญญัติแล้ว นี่แหละคือตัวเรา
ความเป็นเราตัวตนของเราเป็นอย่างไร อันนั้นจะเป็นบัญญัติของ เรา แต่ว่าโดยสภาวะ สิ่งที่เป็นอยู่ กาลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่สม่าเสมอ เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ เปลี่ยนใหม่อยู่เรื่อย ๆ เหมือนอย่างที่บอกว่า เกิด ชาติหน้าแล้วหน้าตาจะเป็นอย่างนี้อีกไหม ? ไม่ต้องถึงชาติหน้าหรอก ย้อน อดีตกลับไปดูก็รู้ ภาพเก่า ๆ กับปัจจุบันนี่เหมือนกันขนาดไหน ? บางอย่าง ก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะหน้าตาผิวพรรณเส้นผม เปลี่ยนไปหมด! ยังไม่ เท่าไหร่เลยเขาก็เปลี่ยนทุกวัน ๆ หน้าตาเราบางทีบางคนยังแทบจะจาไม่ได้ ตอนเด็ก ๆ แบบหนึ่ง โตขึ้นมาไม่เหมือนเดิมเลย ต่างเยอะเลย! แล้วชาติ หน้าคิดว่าจะเหมือนเดิมไหม ? อีกตั้งไกล! เห็นไหม นี่คือการเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนไปทุก ๆ ขณะ แล้วอะไรคือของเรา ? มีแต่ความเชื่อ ความคิด ความเข้าใจ ที่เรียกว่า “ทิฏฐิ” นั่นแหละ ทิฏฐิที่บอกว่าเป็นของเรา ความเห็นหรือปัญญา ทั้ง ๆ ที่ว่าโดยสภาวะจริง ๆ เขาก็ไม่ใช่ของเราอีก รู้ แล้วเขาก็หายไป เกิดมาทาหน้าที่รู้แล้วก็ดับไป แล้วค่อยมารู้ใหม่ ก็เปลี่ยน ไป เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาก็รู้ แล้วก็ดับไปเปลี่ยนไป... ทุกอย่างเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่มีอะไรเที่ยงเลย เพราะฉะนั้น ตั้งแต่เรานั่งมาไม่กี่ชั่วโมงไม่กี่นาทีที่ ผ่านมา เขาก็เปลี่ยนไป บรรยากาศก็เปลี่ยนไป สภาพจิตก็เปลี่ยนไป...
บางคนก็สงบขึ้น บางคนก็เริ่มกระสับกระส่าย ไม่สงบเหมือนตอน แรก ๆ แล้ว เห็นไหม นี่แหละเขาเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา บางคนก็เริ่มนิ่งขึ้น ปัญญาเริ่มเพิ่มขึ้น บางคนก็หูเริ่มดับ ฟังไม่ได้ยินแล้ว บางคนก็ใช้หูข้างเดียว ฟัง ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ถ้าใช้ทั้งสองหูมันไม่มีทางไปหรอก ยังไงก็อยู่ที่สมอง นั่นแหละ ถ้าใช้หูซ้ายอย่างเดียวเปิดหูขวาไว้ เดี๋ยวก็ทะลุหมด อาจารย์พูด


































































































   488   489   490   491   492