Page 491 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 491

467
อะไรจาไม่ได้เลย ทะลุหมดแล้ว พอถาม อาจารย์สอนอะไรบ้าง ? ไม่รู้ สอน ดีมากเลย จาไม่ได้สักอย่างเดียว... อยากรู้ไปฟังเองสิ
เวลาไปสอนที่กรุงเทพก็เหมือนกัน ถามว่า อาจารย์สอนอะไรบ้าง ? โอ! ดี ๆ ถามว่า ได้อะไรบ้าง ? ดีนะ แต่บอกไม่ถูก ทาไมถึงเป็นอย่างนั้น ? กลายเป็นว่าไม่ใช่แค่บอกไม่ถูกนะ จาของตัวเองไม่ได้ด้วย! เรื่องของคนอื่น ไม่ต้องพูดถึง แค่การบ้านตัวเองยังจาไม่ได้เลย! แค่สองอย่าง เพิ่มตัวมุ่งนะ กลับมาหายหมด! เออ! แล้วทาอย่างไรล่ะทีนี้ ? มุ่งก็มุ่ง นั่งก็นั่ง เพิ่มความ นิ่ง นิ่งแล้วมุ่ง นิ่งแล้วมุ่ง นิ่งแล้วมุ่ง... นิ่งสนิทเลย! ตัวมุ่งหายไป ไม่ใช่นิ่ง แบบสงบ นิ่งแบบหลับ! สภาวะก็นิ่งสนิท ไม่ไปไหน!
ง่าย ๆ เวลาปฏิบัติ “สิ่งที่ต้องจาคือสิ่งที่ต้องทา” จาในสิ่งที่เราต้องทา เพราะผลที่เกิดขึ้นเราจะจาได้ ถ้าเราไม่จาในสิ่งที่เราต้องทา ผลที่เกิดขึ้นเราก็ ไม่จาอีก ไม่รู้อะไร อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมา อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมา... กลายเป็นว่าไม่มี เหตุ มีแต่ผลอย่างเดียว กลายเป็นคนพูดแบบไม่มีเหตุมีแต่ผล! คนเราก็ ต้องมีทั้งเหตุและผลสิ พูดจาน่าฟังนะมีเหตุมีผลดี คิดดู พูดแต่ผลอย่าง เดียว น่าฟังไหม ? จริง ๆ แล้วมันไปด้วยกัน เรารู้ว่าเหตุทาอย่างไร เป็น อย่างไร... ทาอย่างไร เป็นอย่างไร... การปฏิบัติของเราไม่ผิด เพราะเรามีเหตุ มีผล เรารู้ว่าเราทาอะไร ทาอย่างไร และผลเป็นอย่างไร
ถ้าผิดเราก็แก้ง่าย ทาผิดเมื่อไหร่ก็เป็นทุกข์ เพราะอะไร ? การ ปฏิบัติของเราเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ปฏิบัติผิดเมื่อไหร่ใจก็เป็นทุกข์ ถ้า ปฏิบัติถูกทุกข์ก็หายไป ความทุกข์ใจกับอาการเคร่งตึงนั้นต่างกัน อาการ เคร่งตึงเป็นอาการของรูป ถ้าทุกข์ใจ อันนั้นไม่ใช่แล้ว! ลองสังเกตดี ๆ แล้ว ความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็มีอยู่สองอย่าง ทุกข์แบบเจ็บปวด ที่เราเรียกว่าทุกข์ จริง ๆ คือไม่สบายใจหรืออึดอัดเจ็บปวด กับลักษณะอีกอย่างหนึ่งที่เราคิด ว่าเป็นความทุกข์ ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่ความรู้สึกเซ็ง ๆ แห้งแล้งห่อเหี่ยวและเบื่อ หน่ายที่เกิดขึ้น ที่เราเข้าใจว่าเป็นทุกข์


































































































   489   490   491   492   493