Page 64 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 64

40
ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ไม่มีช่องว่างระหว่างคั่น ไม่มีความรู้สึกว่า เวลานั่งปฏิบัติ ก็เจริญสติไป พอลุกออกมาสติก็หาย ทิ้งไป แล้วเราก็มาเริ่มใหม่ตอนนั่งอีก พอลุกออกมาก็หายไป พอเดินจงกรมก็เจริญสติอีก เจริญสติเฉพาะเดิน จงกรมกับนั่งสมาธิ หรือบางทีก็เจริญสติตอนนอน
เจริญสติตอนนอนก็เป็นอีกแบบหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งที่นักปฏิบัติควร เข้าใจก็คือว่า บางครั้งเมื่อนอนกาหนดแล้วจิตมันตื่น ไม่หลับ กาหนดอาการ เกิดดับในขณะที่นอน พอยิ่งกาหนด ยิ่งดู ยิ่งเห็นอาการเกิดดับ กลับไม่ง่วง ไม่นอน แล้วรู้สึกกระวนกระวาย กลัวว่าตัวเองนอนไม่หลับ เกิดความรู้สึกว่า กลัวว่าตัวเองนอนไม่หลับ รู้สึกไม่ดี อันนี้เป็นธรรมดา จริง ๆ แล้วถ้ากาหนด รู้อาการเกิดดับ จิตจะตื่น เมื่อจิตตื่น ก็ไม่หลับ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าอยากหลับ ไม่ต้องกาหนดรู้อาการเกิดดับ อันนี้นะ เจตนาอยู่ตรงนี้ ว่า ถ้าอยากหลับไม่ต้องรู้อาการเกิดดับ ดูความว่าง ปล่อยจิตให้ว่างเบา แล้ว ก็ดูให้ว่าง ๆ ว่าง ๆ ปล่อยให้ว่างไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็หลับ หลับง่าย และหลับ ดีด้วยนะถ้าหลับในความว่าง หลับสบายเหมือนหลับในฌาน ไม่ฝันร้าย ตื่น มาก็สดชื่น เทวดาคุ้มครอง
ทีนี้บางคนพอเจตนาที่จะนอน แต่ก็ดูอาการเกิดดับ บางคนนะ อยากนอนพักนี่อยากหลับ แต่หลับตาลง ตามดูอาการเกิดดับอย่างเดียว พอ ตื่นขึ้นมาก็จะรู้สึก.. ทาไมเราถึงนอนไม่หลับ เพราะว่าตามรู้อาการเกิดดับถึง นอนไม่หลับ พอให้ปล่อย ไม่ดูอาการเกิดดับ.. ก็หลับ ถ้าอยากนอน ไม่ต้อง รู้อาการเกิดดับ นั่นคือในอิริยาบถนอน
หรือจะดูอาการไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีเจตนาอะไรมาก ดูมันเกิดดับ เบาลง.. เบาลง.. เบาลง.. ก็ปล่อยให้หลับไปตอนที่อาการเกิดดับ ที่มันเบา ลงแล้ว หลับไปเพราะอะไร เพราะเราไม่ได้ตามรู้ให้ชัด รู้แต่ว่าน้อยลง เบา ลง เบาลง แล้วก็หลับไป แต่ถ้าอาการเกิดดับชัดขึ้นเมื่อไหร่ ก็จะไม่หลับ อัน นี้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ


































































































   62   63   64   65   66