Page 180 - report-06-final-ลายนำ_Neat
P. 180
้
่
หนา ๑๗๐ ส่วนที ๔
็
่
ื
้
่
ั
เสพ เว้นแต่จะเป็นการเสพเพือการรกษาโรคตามคําสังของผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรอเปน
การเสพเพือศกษาวิจัย โดยมข้อมลจากสํานักงานคณะกรรมการป้องกนและปราบปรามยาเสพ
่
ั
ู
ี
ึ
่
ติด ได้มาขออนญาตครอบครองต้นกระท่อม จํานวน ๑,๕๗๘ ต้น เพือนําไปใช้ในโครงการ
ุ
ศกษาวิจัย เรอง การพัฒนารูปแบบการควบคุมพืชกระท่อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนใน
ึ
ื
่
ํ
่
้
่
้
ึ
ํ
์
ประเทศไทย ซึงกาหนดพืนทีการศกษา ณ ตําบลนาพุ อําเภอบานนาสาร จังหวัดสุราษฎรธานี
้
่
้
้
ทังนี มงานวจัยทีได้รบอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา จํานวน ๓ ราย ซึงขณะนีอย ู ่
ี
ั
ิ
้
่
ึ
ระหว่างการศกษาวิจัย ดังนี้
ื
่
์
๑) คณะเภสัชศาสตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรอง “แถบรหัสดีเอ็นเอของ
็
ุ
พืชในสกล Mitragyna และการพัฒนาเปนชุดตรวจสอบเอกลักษณ์ทางโมเลกลของพืช
ุ
กระท่อม”
๒) ศนยพิษวิทยา คณะแพทยศาสตร โรงพยาบาลรามาธิบดี เรอง “สารอัลคา
ื
่
์
์
ู
่
ลอยด์ในกระท่อมเพือพัฒนาเปนยา”
็
๓) ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสงขลานครนทร เรอง
ิ
์
่
์
ื
“การพัฒนาพืชกระท่อมเพือใช้ในทางการแพทย์”
่
ู
่
่
ั
ี
้
นอกจากนันยงมกฎหมายทีอยในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตรจํานวน
ุ
้
ั
์
ั
่
๒ ฉบบ ได้แก ๑) พระราชบญญัติพันธุพืช พ.ศ. ๒๕๑๘ และ ๒) พระราชบญญัติคมครองพันธุพืช
ั
์
พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึงพระราชบญญัติพันธุพืช พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นการบังคับใช้ตามมาตรฐานในการขอ
ั
์
่
ี
ิ
ขึนทะเบยนพันธุพืชและเป็นพืชเศรษฐกจ มลักษณะคล้ายการทําบตรประชาชนพืช
์
ี
้
ั
็
ซึงพืชเศรษฐกจ จํานวน ๓๗ ชนิด อาทิ ข้าว ข้าวโพด ขิง ข่า ตะไคร แห้วหม เปนต้น ส่วน
ู
่
้
ิ
ุ
์
่
พระราชบญญัติคมครองพันธุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ อยูระหว่างชะลอการปรับปรุงแก้ไขมาตรา ๕๒
ั
้
่
ั
้
ั
่
็
และมาตรา ๕๓ เพือดําเนินการประชาสัมพันธ์สรางความเข้าใจร่วมกน อยางไรกตาม กญชา
ั
ู
้
็
ั
ื
่
ุ
กญชง และพืชกระท่อม ทีเปนสายพันธุในประเทศไทยถอว่าอยภายใต้พระราชบญญัติคมครอง
์
่
ึ
พันธุพืชด้วย แม้ว่าจะเป็นพืชทีเป็นยาเสพติดประเภท ๕ ก็ตาม ดังนัน กรมวิชาการเกษตรจงมี
์
่
้
ั
ั
้
ั
แนวคดในการปรบแกไขมาตรา ๕๒ และมาตรา ๕๓ เพือให้สอดคล้องกบพระราชบญญัติความ
ิ
่
ี
่
หลากหลายทางชีวภาพ แต่เนืองจากเกดแรงกระเพือมทางสังคมจึงมการชะลอการดําเนินการ
ิ
่
่
่
ไว้กอนตามทีกล่าวข้างต้น
ซึงบทบญญัติของมาตรา ๕๒ แห่งพระราชบญญัติคมครองพันธุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒
ุ
้
ั
ั
่
์
่
้
่
ื
มสาระสําคญว่า “ผูใดเกบ จัดหา หรอรวบรวมพันธุพืชพืนเมองทัวไป พันธุพืชปาหรอส่วนหนึง
็
์
่
้
ื
์
ื
ั
ี
์
์
ส่วนใดของพันธุพืชดังกล่าว เพือการปรับปรุงพันธุ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพือประโยชน์ทาง
่
่
การคา จะต้องได้รบอนุญาตจากพนกงานเจ้าหน้าที และทําข้อตกลงแบงปนผลประโยชน โดยให้
่
่
ั
ั
ั
้
์
ั
ิ
่
้
์
็
์
นําเงนรายได้ตามข้อตกลงแบงปนผลประโยชนส่งเข้ากองทุนคมครองพันธุพืช ทังนี ให้เปนไป
้
ุ
้
่
่
์
ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงือนไขทีกําหนดในกฎกระทรวง” โดยบทบัญญัติของกฎหมาย
์
ํ
่
่
กาหนดเรืองการทําข้อตกลงแบงปนผลประโยชนไว้ ส่งผลให้กฎหมายดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อ
ั
การวิจัยและพัฒนาสมนไพรไทยเปนอยางมาก โดยทีการดําเนินการปลกเพือประโยชน์ในทาง
่
ุ
่
็
ู
่