Page 218 - หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา
P. 218

ทเี่ ปน เมด็ เปน รากไม เปน เปลอ กไม ไดแ ก เปราะ กะบรี ี่ ลกู ดั และชะลดู ง่ ลว นเปน สมนุ ไพรทงั้ สนิ้ หากใสม ากเกนิ ไปจะทาํ ใหแ กงมรี สขมและขน่ มสี ดี าํ ไมน า กนิ อยา งที่ ไดลิ้มรสมาแลวที่อลแลนด กุกชายผูนั้นแมจะเปนชาวอินโดนีเีย แตลิ้นกลับไมรูวา รสชาติกลมกลอมเปนอยางไร หมอมแมไปพํานักที่บันดุงรวม  ป จงสามารถปรับ เคร่องปรุงตาง ใหเขากับลิ้นคนไทย มีความหอมหวาน เผ็ดมัน อยางที่คนไทยชอบ
ชาวอินเดียเปนเจาของเคร่องเทศหลากหลายชนิด และการปรุงเคร่องเทศนั้น กต็ อ งอาศยั ม อ ดว ย แมเ ครอ่ งเทศมรี าคาแพง เชน  (แรอน) หากคนปรงุ ไมชํานาญ รสข่นของเคร่องเทศก็จะออกมา แกงแขกที่อินเดียกับแกงแขกที่แถว โโหในอังกฤษจะมีรสผิดกันอยางชัดเจน ข้นอยูกับการใสเคร่องเทศในสัดสวน ที่ถูกปากนักกินในทองถิ่นนั้น แกงอินเดียหนักเนยขาวที่เรียกวา  (กี) ่งมี กลิ่นฉุน รสชาติเลี่ยน ถาใสมากแกงก็จะมีกลิ่นฉุนตามไปดวย
แกงมสุ ลมิ ม อ คนไทยทสี่ ามารถปรงุ ไดร สชาตเิ ปน เลศิ มกั จะเปน ม อ ของผชู าย แมเ วลาทที่ าํ เลยี้ งคน เลย้ี งแขกเปน รอ ย ขน้ ไปรสชาตกิ ย็ งั อรอ ย (เปน ผทู ถี่ นดั ในการ ปรงุ อาหารปรมิ าณมาก) และเพราะเปน พอ ครวั ชาวมสุ ลมิ ทอี่ าศยั อยใู นประเทศไทย จงสามารถปรุงอาหารอาหรับแบบไทยดวยลิ้นไทย
หมอมแมมีเพ่อนที่เปนทั้งญาติและเพ่อน บอกวิธีทํานํ้าพริกมะกรูด ่งเปน อาหารโบราณ ตองกินกับเคร่องเคียงคอไขเจียวและหมูเปรี้ยว (ใชหมูสามชั้นทําแบบ หมูหวานแตใสสมมะขามใหมากหนอย) นับเปนอาหารที่แปลกอีกอยางหน่งของไทย
ขาพเจาเองก็ไดดัดแปลงอาหารจากตนตํารับเปนอาหารใหมหลายเมนูดวยกัน เชนไสไกทอดแบบอิสลาม ที่จะตองนําไสไกไปแชในนํ้าผ้งกอน ทําใหมีรสหวานเจียบ เขา ขนั้ เอยี นเลยทเี ดยี ว ขา พเจา กน็ าํ มาดดั แปลง โดยแทนทจี่ ะใชน าํ้ ผง้ ราด กเ็ อาเนยแขง็ ขูด ปนกับแปง แลวทอดเปนไสไกที่มีรสเค็มปะแลมอรอยนัก และมีอีกครั้งหน่งที่ขาพเจา คิดทําขนมปงนวดดวยมอแบบดั้งเดิม โดยลองใชนํ้าตะไครเปนหลักปนดวยนํ้าผักชี ข้นฉาย และใสตนหอมเล็กนอยใหมีสีเขียวเขมแตมีรสนําของตะไคร จําไดวาครั้งนั้น เปนครั้งแรกที่ขาพเจาลองทําและไดนําไปเสิรแบบ  เปนครั้งแรกเชนกัน ที่สมาคมนิสิตเกาจุา
ขาพเจาใชสถานที่ของสมาคมนิสิตเกาจุา กชาวบานที่มาเรียนปกเรียนทอ และไดสอนทําอาหารควบคูไปดวย เพ่อกใหเขาเลี้ยงตัวเอง ่งพวกเขาก็ทําไดดี เวนแตกวยเตียว และบะหมี่ ่งขาพเจาเสิรเปนอาหารกลางวันอยูสองวัน ก็ตองเลิก เพราะคนกินกวยเตียวและบะหมี่มักใสเคร่องปรุงไมเหมอนกัน บางอยาง ชอบมากชอบนอยตางกัน เชน บางคนชอบถั่วลิสง แตบางคนไมใสเลย บางคนชอบ
217


































































































   216   217   218   219   220