Page 49 - 15_อาชญาวทยาและงานยตธรรม_Neat
P. 49

๔๒




              ยิ่งไปกวานั้นเมื่อทําการละเมิดเรื่องเล็กๆ แลวไมเปนไร  ตอไปก็จะหันไปทําการละเมิดเรื่องใหญๆ
              ที่ใหผลเปนความเสียหายมากกวา  นอกจากนี้ความเสียหายและความเสื่อมโทรมที่เกิดจากฝมือของ

              นักทําลายที่ไรเหตุผล  ยังมีสวนทําใหความศักดิ์สิทธิ์ของกฎระเบียบ  และกฎหมายในสังคมเสื่อมถอย
              ลงอีกดวย  เหตุผลสําคัญอีกประการหนึ่งคือเมื่อปลอยใหความเสียหายเพิ่มมากขึ้น กระทั่งมีสภาพเปน

              แหลงเสื่อมโทรม สุจริตชนคนดีก็มักหลีกเลี่ยงที่จะเขาใกล/เกี่ยวของกับพื้นที่นั้นๆ ในที่สุด พื้นที่ดังกลาว
              ก็ถูกยึดครองโดยกลุมมิจฉาชีพหรือกลุมคนผูชอบทําตัวถวงสังคม  เหตุนี้ หลักปฏิบัติสําคัญอีกประการหนึ่ง

              ของทฤษฎี จึงกําหนดการดําเนินการของตํารวจ  ดวยการพยายามเปดโอกาสใหประชาชนคนดี
              เขาครอบครองพื้นที่ใหไดมากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อปองกันการยึดครองของคนทุจริตไปในตัวดวย (แนวทฤษฎีนี้

              คลายคําพังเพยของไทยที่วา “ตัดไฟแตตนลม”)
                         การดําเนินการตามแนวทางของทฤษฎีหนาตางแตก เปนการปฏิบัติที่มุงขจัดความไรระเบียบ

              “ความไรระเบียบ” ในทางสังคมศาสตร หมายถึง ความไมสุภาพ เกะกะ และแสดงอาการคุกคาม/รบกวน
              การดํารงชีวิต โดยเฉพาะชีวิตคนในสังคมเมือง ซึ่งมีลักษณะตองอยูตอหนาคนแปลกหนามากมาย

              และอยูในสถานการณที่ประชาชนตองการความเปนระเบียบเรียบรอยในระดับตํ่า (Minimum  Levels

              Of Order) ไมวาการใชพื้นที่เพื่อการอยูอาศัย  เพื่อเปดรานคา เพื่อใหบริการ เพื่อการจัดงานชื่นชมยินดี
              ในโอกาสตางๆ ทางวัฒนธรรมหรือทําพื้นที่ไวใหลูกๆ หลานๆ วิ่งเลนตามตองการของประชาชน
              นักนครวิทยา (Urbanologist) ชื่อ เจน จาคอบส (Jane Jacobs) เรียกวา เปนการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ

              นอยๆ ของชีวิตคนเมือง เปนสิ่งที่ชวยทําใหคนแปลกหนาสามารถอาศัยอยูดวยกันไดอยางสงบสุข

              ดวยความเจริญ มีอารยธรรม สงาภูมิฐาน แตก็เปนเงื่อนไขที่สําคัญ และมีขอจํากัด
                         จากประสบการณของตํารวจผูปฏิบัติตางยอมรับทั่วกันวา ปญหาอาชญากรรมสวนใหญ

              ผูกระทําความผิดมักไมไดเริ่มตนสรางพฤติกรรมอาชญากรรมที่รายแรงหรือคดีอุกฉกรรจโดยทันที
              แตมักเริ่มตนจากไมยึดถือระเบียบแบบแผน ไมเคารพกติกาและไมรักษาวินัยกอนแลวจึงจะขยายไป

              สูการประกอบอาชญากรรมที่รายแรงมากขึ้น นอกจากนี้มีขอสังเกตที่นาสนใจวาคนรายหรือคนที่
              กระทําความผิดโดยสันดานเหลานี้จะไมจํากัดการกระทําความผิดเฉพาะเรื่องอาชญากรรมรายแรง

              เทานั้น โดยมากคนเหลานี้มักจะคิดในทางไมรับผิดชอบตอสังคมลักษณะที่วาเรื่องใหญยังทําได
              แลวเรื่องเล็กๆ นอยๆ แคนี้จะตองไปสนใจทําไมกัน ดังนั้นจึงอาจขับรถฝาฝนสัญญาณไฟจราจร

              สงเสียงเอะอะโวยวายตามตรอกซอกซอย เมาสุราและเดินเกะกะระรานชาวบาน เรื่องเหลานี้ตํารวจหัวเกา
              อาจเห็นเปนเรื่องเล็กๆ นอยๆ ไมนามีผลอะไร แตในความเปนจริงประชาชนที่มีประสบการณโดยตรง

              เห็นเปนเรื่องใหญนากลัวและตองการใหตํารวจจัดการกับการกระทําดังกลาวดวยเหมือนกัน ถาตํารวจ
              ไมจัดการ เมื่อเกิดความไรระเบียบ ไมเคารพกฎเกณฑกติกาของสังคมขึ้นมากๆ จะทําใหประชาชน

              เกิดความหวาดระแวงกลัวภัยจะมาถึงตน นําไปสูการเปดชองโอกาสใหเกิดการกระทําความผิด
              พื้นที่ใดไรระเบียบมากถึงขนาดประชาชนคนดีไมอาจครอบครองพื้นที่นั้น ตํารวจก็ไดชื่อวาไมสามารถ

              ครอบครองไดเชนกัน (พื้นที่ดังกลาวยอมอยูในครอบครองของคนราย) เพื่อมิใหเกิดเหตุการณเชนนี้
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54