Page 246 - cover-biology-boontieam new28-8 i_coateduv
P. 246
แล้วผมก็เดินทางไปทำงานที่ด่านฯ สุไหงโก-ลกตามคำสั่งกรมศุลกากร
แต่เพียงลำพัง โดย ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา แต่อย่างใด และไม่ยอมเอา
ใครติดตามไปช่วยทำงานแม้แต่คนเดียว เพราะผมไม่อาจที่จะนำเพื่อนร่วมงาน
ที่เคยทำงานร่วมกันและเคยติดตามผมไปทำงานที่ด่านฯ อื่น ๆ ที่ผมเคยไปอยู่
ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวได้ หากผมจะต้องเป็นอะไรไป
ก็ขอให้เป็นไปเพียงคนเดียว หากจะต้องมีความเสียใจเพราะผมได้รับอันตราย
ก็ควรจะเป็นเพียงครอบครัวและญาติมิตรของผมเท่านั้น ไม่ควรที่จะให้ครอบครัว
และญาติมิตรของเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ต้องพลอยเป็นกังวลและห่วงใยไปด้วย
แม้จะมีเพื่อนร่วมงานบางคนขันอาสาที่จะติดตามขอไปปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือ
ย้ายตามไปช่วยทำงานด้วยเหมือนกับที่เคยติดตามไปช่วยทำงานที่ด่านฯ อื่น ๆ
บ้านพักนายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก มาก่อน ผมก็ไม่ยอมให้ไป ผมขอเสี่ยงคนเดียวดีกว่า
เมื่อปี พ.ศ.2550 - 2551 ปี พ.ศ. 2550 - 2551
เมื่อผมไปถึงด่านศุลกากรสุไหงโก-ลกใน 2 - 3 วันแรก ผมสวมใส่เสื้อเกราะ
สมัครเข้ารับการคัดเลือกเองตามสิทธิและหน้าที่ โดยต้องสมัครถึง 7 ครั้ง จึงได้รับ กันกระสุนไว้ด้านในเพื่อความปลอดภัยตามคำแนะนำของเพื่อน แต่มิได้ทำ
การพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดี ประกันชีวิตเพิ่ม และมิได้พกปืนตามที่เพื่อนบอกไว้ ผมสังเกตว่านอกจากผู้ช่วย
นายด่านฯ แล้ว เจ้าหน้าที่ด่านฯ เกือบทุกคนไม่มีใครสวมใส่เสื้อเกราะป้องกันตัว
เมื่อถึงคราวที่ผมต้องเผชิญกับวิบากกรรม ต้องไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หากผมจะสวมใส่เสื้อเกราะต่อไปจะดูเหมือนเป็นคนรักตัวกลัวตาย แล้วเจ้าหน้าที่
ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ในเวลานั้นกำลังลุกเป็นไฟก็ว่าได้ เพราะมีการ จะมีขวัญกำลังใจในการทำงานได้อย่างไร จึงตัดสินใจไม่สวมใส่เสื้อเกราะเหมือน
ฆ่ากันตายเกือบจะรายวัน มีการซุ่มโจมตีวางระเบิด โค่นล้มเสาไฟฟ้า ทำให้ กับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ โดยมิได้มีความรู้สึกกลัวหรือหวาดระแวงในความไม่
ไฟฟ้าดับทั้งเมืองหลายครั้งหลายหน เป็นข่าวให้ได้เห็นได้ยินได้ฟังเกือบทุกวัน ปลอดภัยแต่อย่างใด สามารถทำงานที่ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลกได้ตามปกติเป็น
แล้วจะไปห้ามมิให้ครอบครัว ญาติมิตรพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหายมีความกังวล ระยะเวลาประมาณหนึ่งปีครึ่ง โดยไม่มีปัญหาในเรื่องความวิตกกังวลหรือวิตกจริต
และห่วงใยในตัวผมได้อย่างไรกัน โชคดีที่ผมไม่ใช่เป็นคนวิตกจริต เพราะผม
เคยผ่านความกลัวเมื่อสมัยเป็นเด็กมาได้ดังที่ได้เล่ามาแล้ว เมื่อต้องไปปฏิบัติ ต่อสถานการณ์ที่ไม่ปกติในพื้นที่รับผิดชอบแต่ประการใด
หน้าที่ ณ ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับตัวผมแต่อย่างใด ประวัติด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก
โดยผมได้นึกถึงคำกลอนบทหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดขวัญกำลังใจว่า
ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ตั้งขึ้นโดยกฎกระทรวงการคลัง เมื่อปี พ.ศ.
2475 โดยกำหนดให้เป็นที่สำหรับการนำของเข้าหรือส่งของออกเฉพาะทางรถไฟ
เท่านั้น โดยมีที่ทำการด่านฯ ครั้งแรกในเวลานั้นอยู่ที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก
“ณ ที่ใดดวงใจไม่ไหวหวั่น ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2513 รัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซียได้ทำความตกลง
ร่วมมือกันสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก แห่งที่ 1 ที่บริเวณพรมแดน
จะฝ่าฟันอุปสรรคและขวากหนาม
สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสของไทย กับรันตูปันจัง อำเภอปาเซมัส รัฐกลันตัน
ถึงอำนาจวาสนาชะตาทราม
ของมาเลเซีย โดยการก่อสร้างสะพานได้แล้วเสร็จและเปิดให้ประชาชนสัญจร
จะฝากนามให้โลกรู้พร้อมสู้ตาย” ไปมาค้าขายติดต่อกัน กรมศุลกากรจึงได้สร้างที่ทำการด่านศุลกากรขึ้นใหม่
244 245