Page 38 - คำให้การชาวกรุงสยามใหม่
P. 38
ประโยคเหล่านี้นับว่ามีความหมายมาก ควรผู้ที่ปกครองประเทศ
จะต้องรับฟังและหาทาง “แก้ไข” ไม่ใช่ “แก้ตัว” หรือหาทาง “แก้ล�า”
พิภพ กล่าวถึง รากเหง้าส�าคัญของปัญหาสังคมไทยว่า คือ ความ
้
ื
�
ื
ึ
เหล่อมลา [ซ่งไม่น่าเช่อว่า ภายใต้การบริหารของ คสช. เพียง ๔-๕ ปี
�
้
ื
สามารถนาพาประเทศไทยให้ “มีความเหล่อมลาสูงเป็นอันดับ ๑ ของโลก”
�
แล้ว โดยจากรายงานของ The Credit Suisse Global Wealth Report
2018 (พ.ศ. ๒๕๖๑) ระบุว่าคนไทยร้อยละ ๑ ถือครองความมั่งคั่งหรือมี
ทรัพย์สินรวมถึงร้อยละ ๖๖.๙ ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ!–ผู้เขียน]
พิภพชี้ว่า “ระบบการเมือง เศรษฐกิจ และการศึกษาของเราเป็น
ื
ตัวสร้างความเหล่อมลา...รัฐสภา...เป็นผู้ผลิตปัญหาความเหล่อมลา...
�
้
�
ื
้
ื
การเมืองไทยมีปัญหาเร่องการกระจายอานาจและการมีส่วนร่วมของ
�
ประชาชน...”
�
พิภพเสนอว่า “ต้องทาให้การเมืองเป็นประชาธิปไตย ให้เศรษฐกิจ
เป็นประชาธิปไตย ก็จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล�้าได้ แต่จะท�าได้ต้องปฏิรูป
การศึกษาให้เป็นประชาธิปไตยเสียก่อน เพราะการศึกษาเป็นรากฐาน...”
แต่พิภพก็พบว่าระบบการศึกษาไทยปัจจุบันกลับ “เป็นเครื่องมือ
ี
ี
ู
ี
ื
สร้างความเหลอมลา” เสยเอง “...เพราะคนจนจะอย่ในโรงเรยนท่ไม่ม ี
่
�
้
คุณภาพ มีงบประมาณน้อย ครูไม่เพียงพอ ส่วนคนท่เรียนสาธิต เรียน
ี
สวนกุหลาบ เรียนเตรียมอุดม และสมัยนี้มีโรงเรียนอินเตอร์ด้วย จะกลาย
เป็นชนชั้นน�า”
“ในโรงเรียน เด็กไม่กล้าสู้กับครู เด็กถูกสอนให้จานนต่อครู เม่อโต
�
ื
�
�
ึ
ข้นก็ยอมจานนต่อรัฐ ครูเป็นตัวแทนของอานาจ รัฐต้องการให้คนยอมจานน
�
โดยเริ่มต้นจากสอนเด็กให้ยอมจ�านนต่อครู”
พิภพเสนอว่า “คนจนจะปลดแอกจากความเหลื่อมล�้าได้...คนจน
38 l ป�ฐกถ�มูลนิธิโกมลคีมทอง ประจำ�ปี ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔๕