Page 171 - เมืองลับแล(ง)
P. 171
พระมหากษัตริย์ จึงมีพระราชโองการให้ชำแหละเนื้อปลาไหลเผือกแจกจ่ายให้ประชาชนกินทั่วพระนคร ด้วย
่
ั
เหตุนี้นครนั้นจึงเป็นเวียงล่มกลบกลายเป็นหนองน้ำหรือเป็นทะเลสาบ ชาวเมืองเชียงแสน เรียกว่า “เวียงลม”
มาจนถึงทุกวันนี้ ยุคต่อมาความสำคัญก็เจริญขึ้นอยู่ที่เวียงนพบุรีศรีนครพิงค์ (เชียงใหม่) จึงเปลี่ยนเป็น
อาณาจักรลานนาไทย เมืองลับแลก็ขึ้นกับอาณาจักรลานนาตลอดมา เพราะเจ้าเมืองมีวาสนาบารมีน้อย ความ
เจริญก็ลดลงตามยุคตามสมัย
พ.ศ. ๑๖๙๐ พระร่วงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ครองพระนครสุโขทัย ทรงพระนามว่า
พญาศรีจันทราธิบดี มีพระประสงค์จะขยายอาณาเขตเข้ามาถึงเมืองลับแล พระร่วงก็เสด็จเข้ามาท้าทายแข่ง
ว่าวกับเจ้าเมืองลับแลตรงที่ทุ่งนาทาย แต่เจ้าเมืองลับแลผู้มีวาสนาน้อยก็ยอมอ่อนน้อมเข้าสวามิภักดิ์กับพระ
ุ่
ร่วงเจ้า ๆ ทรงดีพระทัยมาก จึงยกพระบาทขึ้นเตะหัวปลวกออกจากทุ่งนาทายไปตกทุ่งชายเขา ทงน้ำริดหมด
จึงได้ชื่อว่า ทุ่งนาทาย นับแต่นั้นมา เมืองลับแลก็ต้องเปลี่ยนจากอาณาจักรลานนาไปขึ้นกับพระนครสุโขทัย
พ.ศ. ๑๘๐๐ พ่อขุนบางกลางท่าว เจ้าเมืองบางยาง ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงของนคร
สุโขทัย ลับแลก็ลดฐานะลงเป็นแขวงขึ้นกับเมืองทุ่งยั้ง อยู่ในอาณาจักรสุโขทัย
เรื่องที่ ๑๗ ข้าศึกพม่าเข้าปล้นเสบียงเมืองลับแล
สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พ.ศ. ๑๙๒๒ ลับแลก็จะเริ่มเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ พ.ศ.
ิ
๑๙๘๑ เป็นต้นมา ยุคนี้เมืองทุ่งยั้งกำลังเจริญรุ่งเรืองขึ้น แต่ลับแลก็ยังคงเจริญไปตามสภาพธรรมชาต ในคราว
ที่ไทยต้องเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ ประชาชนแตกเป็นก๊กเป็นเหล่านั้น เมื่อมหาเรือนหรือ
เจ้าพระฝางสว่างคะบุรีมุนีนาถได้รวบรวมสมัครพรรคพวกแยกตัวเป็นอิสระขึ้นที่เมืองพระฝางสว่างคบุรีมุนีนาถ
ลับแลก็เป็นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับเมืองพระฝางฯ และหากว่าไม่บังเอิญมีหม่องซิกซิงโบ เป็นผู้ควบคุมกองทพพม่า
ั
เข้ามาปล้นเสบียงทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองลับแล คือ ด่านแม่คำมัน บุกเข้าถึงท้องลับแล ตั้งค่ายพัก
ั
กองทัพอยู่ข้างม่อนจำศีล เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๑ ในรัชสมัยของพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แล้วประวัติศาสตร์เมืองลบ
แลจะไม่ถูกจารึกลงไว้เลยว่าลับแลเคยถูกข้าศึกรุกราน
ตอนนี้ผู้เฒ่าเล่าว่า คนนอนขี้เซาคนหนึ่งเป็นสาวเต็มตัว ชื่อ คำใญ้คนบ้านวัดป่า ข้าศึกม่านบุกรุกเข้า
มาถึงกลางคืน ชาวบ้านร้านถิ่นก็พากันอพยพขนย้ายสิ่งของที่พอจะเอาติดตัวไปได้ เพื่อหลบหนีลี้ภัยสงคราม
เข้าไปซ่อนตัวกันอยู่ในป่าแต่พ่อแม่ปลุกนางสาวคำใญ้สักกี่ครั้งกี่หนก็ไม่ยอมตื่น จึงปล่อยให้นอนทิ้งอยู่แตลำพัง
่
ผู้เดียว พอข้าศึกม่านบุกเข้าค้นหาเสบียงอาหารตามบ้านเรือนของราษฎรจึงพบกับนางสาวคำใญ้นอนอยู่บน
บ้าน พวกม่านก็ปลุกรุกขึ้นแล้วก็เอาไปด้วยเมื่อพบเครื่องแต่งตัวคือ คำแขน แหวนก้อย และเสื้อลูกกระดุมเงินก็
เอาให้นางสาวคำใญ้ใส่ไว้ พาบุกขึ้นค้นไปทุกบ้าน ทุกเรือน นางสาวคำใญ้ตั้งสติขึ้นได้จึงบอกอุบายบอกกับพวก
ข้าศึกว่าปวดท้องหนัก เขาก็ปล่อยให้ไปถ่ายท้อง พวกม่านก็ยืนคอย พอออกไปลับตาข้าศึกแล้วก็วิ่งหนีเข้าป่าไป
การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
หน้า ๒๑