Page 91 - เมืองลับแล(ง)
P. 91
ลับแลในสมัยรัชกาลที่ ๖ (พ.ศ. ๒๔๕๓ – ๒๔๖๘)
ิ
ิ
้
ิ
เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟามหาวชราวุธ ครองสิรราชสมบัตเป็น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
์
เจ้าอยหัว ในปีที่ขึ้นครองราชย พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิรวัฒน ครั้งดำรงดำรงตำแหนง สมเด็จ
่
ู่
ิ
์
้
ื่
พระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่คณะกลาง ไดให้ พระครูบุญ อินทปญโญ ไปบูรณะวัดป่าแก้ว จึงตั้งชอวัด
่
ู
์
ใหม่ว่า “วัดเจดียคีรีวิหาร” แล้วใน พ.ศ. ๒๔๕๔ พระครบุญ อินทปญโญ ดำรงตำแหนงเจ้าอาวาสวัด
ั
ิ
ั
และเจ้าคณะแขวงเอกเมืองพิชย มณฑลพษณุโลก และได้รบพระราชทานสมศกดิ์ว่า “พระครูธรรม
ั
ฐิติวงศ์คีรีเขตร” วัดเจดีย์คีรีวิหาร
ี
ั้
ั
่
พ.ศ. ๒๔๕๕ พระศรพนมมาศ (ทองอิน) ได้รบแตงตงเป็น “ข้าหลวงเกษตรมณฑล
66
พิษณุโลก” และ หลวงพิศาลคีร (เที่ยง) นายอำเภอลับแล ขอแรงราษฎรตัดไม้ทำสะพานบนเส้นทาง
ี
67
ไปพระแท่น(ศิลาอาสน์)
พ.ศ. ๒๔๕๖ หลวงพิศาลคีรี (เที่ยง) นายอำเภอลับแล บริจาค ๕๕๕ บาท สร้างสะพานบ้านพน
ั
68
แหวนข้ามห้วยแม่พร่องข้ามไปวัดผักราก
วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๗ เวลา ๙.๐๐ น. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิร
ญาณวโรรส เสดจตรวจการคณะสงฆ์มาถึง เมืองลับแล ได้เสด็จที่ฝายสมเด็จเจ้า – วัดม่อนปราง – วัด
็
ทุ่งเอี้ยง – วัดท้องลับแล – วัดดอยสัก (วัดดอนสัก) – ฝายหลวง โดยมีพระศรีพนมมาศ (ทองอน)
ิ
69
ถวายการรับรอง สมเด็จพระสังฆราชเจ้าได้พรรณนาภูมิสถานของเมืองลับแลรวมถึงชาวลับแล ว่า
ู่
ั้
ี้
อำเภอลับแล น มีภูเขาเป็นเขต เมื่อไปแลเห็นภูเขาตงเชดอยข้างหลังเหมือนลับแล
ิ
ี้
ื่
แลดูงาม เพราะเหตนกระมังอำเภอนที่เป็นเมืองมาแตเดิม จึงไดชอว่า ลับแล พนที่
้
ุ
ี้
่
ื้
ี
้
ื้
เป็นสวนมาก มีหมากเป็นพน มีผลไม้ตางๆ มะพราว ทุเรยน มังคุด ลางสาด แต ่
่
่
ุ
ทราบว่าไม่มีดีเหมือนที่กรงเทพฯ ตนไม้งามๆ นาก็มีบ้าง แตเป็นนาข้าวเหนยวเป็น
ี
้
ื้
้
พน ข้าวเจ้ามีนอย ทราบว่าข้าวก็ดีแทบทุกปีเพราะพนที่ดี และทั้งได้อาศยนำซึ่งไข
ั
้
ื้
มาจากฝายด้วย พนดินตงแตเมืองมาจนถึงอำเภอน ดินสีแดงคล้ายอิฐ ราษฎรก็ดู
ื้
ั้
ี้
่
ั
้
ั
่
์
มาก แตด้ายสายสิญจนที่ประทานผูกข้อมือเด็กยงสินไปพนเศษ ที่ได้เห็นผู้หญิง
66 “รายงานเรื่องชี้แจงและคิดบำรุงกสิกรรมและพาณิชกรรม” ใน หจช. กส ๑๓/๑๑๖๕
67 ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๒๙ หน้า ๙๑๕ และหน้า ๙๑๖.
68 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๐ หน้า ๑๓๒๒ – ๑๓๒๕.
69 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จตรวจการคณะสงฆ์. หน้า ๒๐๖ – ๒๐๙.
เมืองลับแล(ง) ประวัติศาสตร์และข้อค้นพบใหม่
หน้า ๗๙