Page 607 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 607
ิ
อะไร และได้อะไรบ้างแต่ก็ติดใจในเรื่องเขาศักด์สิทธิ์ ๓ ลูกเรียงกันเพราะเป็นความเชื่อในเรื่องภูสามเส้าและ
หินสามก้อน คล้ายกับพวกลั๊วะทางเชียงใหม่และเชียงราย จากการสำรวจและศึกษาภูมิวัฒนธรรมของเขาทั้ง ๓
ั่
ลูกนี้ ที่ตอนปลายเขามีลำน้ำแม่พร่องไหลผ่านลงมาสู่ชุมชนเมืองลับแล และพื้นที่ราบลุ่มตามเนินเขาฝง
ตะวันตกของลำน้ำแม่พร่องมีเนินดินที่เรียกว่า “ม่อนกระจายอยู่” รวมทั้งมีร่องรอยของการสร้างเหมืองฝาย
ู้
เพื่อการทำนาของผคน และสร้างศาสนสถานบนม่อน เช่น ม่อนลับแล ม่อนฟ้าฮ่าม ม่อนดอนสัก แสดงให้เห็น
ว่าเป็นแหล่งที่มีการอยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวัดโบราณที่มีอายุมาแต่สมัยสุโขทัย ครั้งรัชกาลพระ
ี่
มหาธรรมราชาท ๑ ดังเช่นศิลาจารึกที่พบวัดเจดีย์คีรีวิหารในเขตเมืองลับแล ที่มีอายุอยู่ในตอนปลายพุทธ
ศตวรรษที่ ๑๙ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ที่ระบุว่ามีการสร้างเจดีย์ วิหารพระพุทธรูป ปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ และ
ั้
ั่
การกัลปนาที่ดินให้แก่วัด ทั้งหลายเหล่านี้สื่อให้เห็นว่า บริเวณที่ลาดลมเชิงเขา ๓ ลูกและบรรดาม่อนทง ๒ ฝง
ุ่
ั
ี
แม่พร่องในเขตเมืองลบแลเป็นชุมชนเมืองที่มีการพัฒนาต่อมาในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๙ โดยเฉพาะพระเจดย์
ประธานของวัดเจดีย์คีรีวิหารนั้นคงเป็นพระสถูปพระธาตุที่สร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ในรูปทรง
ดอกบัวตูม แต่ได้รับการซ่อมแซมและสร้างเพิ่มเตมภายหลังในสมัยพระเจ้าติโลกราชให้เป็นพระสถูปทรงกลม
ิ
แบบล้านนา เมืองลับแลที่มีพระสถูปทรงดอกบัวที่วัดเจดีย์คีรีวิหาร คือศูนย์กลางของเมืองลับแลในสมัยพระ
มหาธรรมราชาที่ ๑ เป็นเมืองบริวารของเมืองสระหลวงที่อยู่บนลำน้ำแม่พร่องเดียวกัน อยู่เหนือน้ำประมาณ ๘
้
กิโลเมตร ทั้ง ๒ เมืองนี้เป็นที่อยู่ของผู้คนในลุ่มน้ำน่านมาก่อนการเคลื่อนย้ายของคนล้านนาในสมัยพระเจาต ิ
โลกราชที่เข้ามายึดครองให้เป็นเมืองทุ่งยั้งและเมืองลับแล
จากบทความดังกล่าว ผู้ศึกษามีความคิดเห็นว่าเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในตำบลฝายหลวง อำเภอ
ี่
ลับแล ซึ่งภายหลังถูกเรียกว่าเมืองลับแลง,ลับแลเป็นเมืองทขยายเมืองของเมืองสระหลวง(ทุ่งยั้ง)ซึ่งขยายขึ้นมา
ตามลำน้ำที่หล่อเลี้ยงเมืองสระหลวงนั้นคือห้วยแม่พร่องดังจะเห็นจากตำแหน่งของโบราณสถานที่กระจายสอง
ั
ฟากฝั่งลำห้วยแม่พร่องที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่ตำบลแม่พูล อำเภอลบแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามภาพที่ ๗๐
การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
หน้า ๑๒๑