Page 702 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 702
ข้อมูลจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพนระบุว่า กองทัพโป่สุพลาเข้าตเมืองลบ
ั
ี
แลแตกเมื่อปีจ.ศ.๑๑๓๔ ปีมะโรง จัตวาศก (พ.ศ.๒๓๑๕) แล้วปีต่อมาจ.ศ.๑๑๓๕ ปีมะเส็ง เบญจศก (พ.ศ.๒๓๑๖)
กองทัพโป่สุพลาก็ยกทัพมาตีเมืองพิชัยอีก นัยตรงนี้อาจนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกับเหตุการณที่เกิดขึ้นในคร่าวฯ
์
่
ที่ระบุว่าเมืองลับแลถูกตีแตกในปีพ.ศ.๒๓๑๖ แล้วกองทัพพม่าก็ยกกลับถึงเชยงแสนในปีพ.ศ.๒๓๑๗ ซึ่งชวงเวลาท ี่
ี
เกิดสงครามนั้นเกิดคร่อมหัวท้ายปี จึงอาจเป็นไปได้ว่าแท้จริงแล้วช่วงเวลาทสงครามเกิดขึ้นบริเวณหัวเมืองเหนือซึ่ง
ี่
ื
ระบุจำนวนสองครั้งนี้ ยืดเยื้อยาวนานข้ามปีหรือคร่อมหัวท้ายปี กล่าวคืออาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคล่อน
แท้จริงแล้วกองทัพพม่าโป่สุพลาอาจยกมาทำสงครามเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หาได้ยกมาถึงสองครั้งไม่
อย่างไรก็ตามควรพิจารณาข้อมูลจากเอกสาร มหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า(นายต่อแปล) ที่กล่าวถึง
เหตุการณ์สงครามเก้าทัพในยุคสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จุลศักราช๑๑๔๗ (พ.ศ.๒๓๒๘) ครานั้นแม่ทพพม่าหวุ่นยี
ั
ั
ั
สะโตศิริมหาอุชนาตั้งให้เนมโยจีสยกไปตีอยุธยา ความดังนี้ “...หวุ่นยีสะโตศิริมหาอุชนาตั้งให้เนมโยจีสปลดทพเป็น
ู
ู
แม่ทัพ แล้วแบ่งกองทัพให้ ๙ ทัพ ให้ยกไปตีกรุงศรีอยุทธยา ครั้นเนมโยจีสูยกมาถึงเมืองลับแล ก็เข้าตีเมืองลับแล
ได้ แล้วเลยตีเมืองพิจิต เมืองพิไชย เมืองศุโขไทย สวรรคโลกย์ บ้านตาก เมืองพิศณุโลกย์ ตีได้เป็นลำดับมา...”
ด่านของเมืองลับแล
หน้า ๖๕