Page 703 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 703

(ศิริญากรณ์ โชคประเสริฐศรี บรรณาธิการ, พิเศษ เจียรจันทร์พงษ์ และ ศ.ดร. สุเนตร ชุตินธรานน์ นำเสนอ,

                                                                                ์
               ๒๕๖๒, ราชวงษ์พงษาวดารพม่า นายต่อแปล, กรุงเทพ: บริษัทไทยควอลิตี้บุ๊คส(๒๐๐๖), หน้า ๓๙๐)


                                                                                                 ่
                                                ั
                       กล่าวคือ ภายหลังจากทเมืองลบแลถูกพม่าตแตกเมื่อครั้งสมัยกรุงธนบุรีในปีพ.ศ.๒๓๑๖ ตอมาอีกราวสบ
                                                           ี
                                          ี่
                                                                                                           ิ
                                                                                                          ึ
               สองปีเมืองลับแลก็ถูกพม่าตีแตกอีกครั้งในปีพ.ศ.๒๓๒๘ แต่เหตุการณ์ครั้งหลังนี้ยังไม่ปรากฏพบว่ามีการบันทกไว้
               อย่างละเอียดเหมือนเมื่อคราวกวีชาวยอง ศรีวิไชยยา ได้บันทึกเป็นบทคร่าวไว้

                       นอกจากนี้ยังพบคำว่า  นาขาม นาขามซ้าย ซึ่งเป็นยศนายทหารที่นำกำลังพลไปตคายสุโขทัยจากคร่าวฯ
                                                                                           ่
                                                                                          ี
               บทที่ ๒๔๗ ,๒๕๑ อีกด้วย เป็นไปได้ว่าชื่อ ด่านนาขาม อาจถูกเรียกตามยศทหารนาขาม

                        247.  วันเดือนห้า     ออกค่ำหนึ่งนั้น        นาขามผู้         คานไป

                               กวดค่ายเมือง   สักกะไท                ทังเงี้ยวไท      ม่านพิกเถิงหั้น

                        251.  ซ้ำคานคน        บ่รู้กี่ร้อย           ทั้งเงี้ยวม่านผ  ู้  ยวนไท

                                                  ั
                               หื้อนาขามซ้าย  ไปสกกะไท               กำไพร่ไป         หกสิบไพร่ผ้า


                                                                                                ่
                                                                        ี
                       จากข้อมูลดังกล่าวรวมถึงหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พบในพื้นท่ ทำให้มองเห็นบทบาทของดานป้อมปราการ
                                                                                                            ึ
               เมืองลับแลชัดเจนมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ ด่านของเมืองลับแลเหล่านี้ เปรียบเสมือนปราการสำคัญที่ช่วยป้องกันข้าศก
               ศัตรูที่จะเข้ามาโจมตีตัวเมืองที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน ด้วยความที่เมืองลับแลมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับกับที่ราบ

                                                                                            ั
                                                                                         ี่
               ระหว่างภูเขาจึงอาจส่งผลให้ไม่มีกำแพงเมืองชั้นในทล้อมรอบตัวท้องเมือง คล้ายกับเมืองทมีชยภูมิตงบนภูเขาโดย
                                                                                                 ั้
                                                          ี่
               ส่วนมาก เมืองลับแลคงอาศัยวัดที่อยู่โดยรอบท้องเมืองเหล่านั้นเป็นเสมือนพุทธปราการหมายแทนเขตแนวตว
                                                                                                            ั
               กำแพงชั้นใน
                       หากจะกล่าวให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นก็คือ การเดินทางสู่เมืองลับแลจากอาณาจักรล้านนาทางเมืองแพร่
               จะต้องข้ามเขาพลงซึ่งเป็นปราการด่านธรรมชาติที่สูงชันก่อน แล้วจึงมาถึงที่ราบริมแม่น้ำและต้องผ่านด่านป้อม
                               ึ
               ปราการสามด่านคือ ด่านคีรีเมือง ด่านจอมคีรี และดานคีรีศีล ซึ่งสกัดกั้นผู้คนเดินทางและกองทัพของข้าศึกจาก

               ทางทิศเหนือ แล้วจึงข้ามภูเขาอีกชั้นก่อนที่จะลงสู่ที่ราบทุ่งนาหนองของท้องเมืองลับแลงนั่นเอง









                                                       ด่านของเมืองลับแล
                                                           หน้า ๖๖
   698   699   700   701   702   703   704   705   706   707   708