Page 319 - การประชุม HACC Forum ครั้งที่ 13
P. 319
315
15-09 Poster Presentation นักศึกษาพยาบาลศาสตร์
ชื่อเรื่อง : ผลของโปรแกรมส่งเสริมบ้านปลอดบุหรี่ต่อพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการสัมผัสควันบุหรี่มือสองในเด็ก
อายุต่ำกว่า 5 ปี
ผู้นำเสนอ : ศิวกร เหล็กประสุข และคณะ
อาจารย์ที่ปรึกษา วิภารัตน์ สุวรรณไวพัฒนะ
สถาบันการศึกษา : วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
บทคัดย่อ : การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมบ้านปลอดบุหรี่ต่อพฤติกรรม
การสูบบุหรี่และการสัมผัสควันบุหรี่มือสองของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในตำบลพุดซา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
คัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 40 คน ได้แก่ผู้ที่สูบบุหรี่และมีเด็กอายุต่ำว่า 5 ปีภายในบ้าน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มละ 20 คน กลุ่มควบคุมได้รับการให้ความรู้ให้ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ ควันบุหรี่มือสอง แผ่นพับเรื่องผลกระทบ
ของขวัญบุหรี่มือสอง และกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมส่งเสริมบ้านปลอดบุหรี่ โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้
ความสามารถตนเอง (Self-efficacy theory) (Bandura, 1997) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่
แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป, แบบสัมภาษณ์การสัมผัสควันบุหรี่มือสองในบ้านของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี, แบบสอบถาม
การรับรู้ความสามารถตนเองในการเลิกสูบบุหรี่, แบบสอบถามคาดหวังในผลลัพธ์ของการเลิกสูบบุหรี่
(นิยม จันทรนวลและศิริญญา วิลาศรี, 2559) โดยค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือเท่ากับ .81 และ .86 ตามลำดับ
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และทดสอบความแตกต่างด้วยสถิติ Paired t-test และ Independent
t-test ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ร้อยละ 97.50 มีอายุอายุเฉลี่ย 53.48 ปี สถานภาพสมรส คู่
ร้อยละ 82.50 มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา ร้อยละ 62.50 ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ร้อยละ
40 รายได้อยู่ระหว่าง 5,000-10,000 บาท/เดือน ร้อยละ 57.50 และมีจำนวนสมาชิกในบ้านอยู่ในช่วง 3 ถึง 6 คน
ร้อยละ 77.50 หลังได้รับโปรแกรมบ้านปลอดบุหรี่ กลุ่มทดลองมีการสัมผัสควันบุหรี่มือสองในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
ลดลงร้อยละ 20 และ เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังทดลองการรับรู้ความสามารถตนเองในการเลิกสูบบุหรี่หลัง
ทดลองสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = -6.31, p < .05) และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มควบคุม
และทดลองการรับรู้ความสามารถตนเองในการเลิกสูบบุหรี่ในกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
(t = 3.15, p < .05) ส่วนความคาดหวังในผลลัพธ์ของการเลิกสูบบุหรี่ภายหลังได้รับโปรแกรมสูงกว่าก่อนได้รับ
โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 2.582, p < .05)
ข้อเสนอแนะ : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ต่างๆ ควรสนับสนุนให้มีการนำโปรแกรมส่งเสริมบ้านปลอด
บุหรี่ไปใช้ในกลุ่มประชาชนที่มีความต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่และกลุ่มประชาชนที่สูบบุหรี่และมีเด็ก
อายุต่ำกว่า 5 ปีในครอบครัว เพื่อส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่เหมาะสมและลดการสัมผัสควันบุหรี่มือสองของคนใน
ครอบครัวต่อไป
คำสำคัญ : โปรแกรมส่งเสริมบ้านปลอดบุหรี่, ควันบุหรี่มือสอง, พฤติกรรมการสูบบุหรี่, การรับรู้ความสามารถตนเอง