Page 324 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 324
หวั่นไหว ไม่กังวลเรื่องปวดตรงนั้น มันเจ็บตรงนี้ มันเกิดปีติแล้วจิตมันละความเจ็บปวด มันเกิดปีติ
มันก็เลยไม่กังวลเรื่องความเจ็บปวดของร่างกาย
โรคจึงมี ๒ อย่างคือ ๑) โรคทางกาย ๒) โรคทางใจ โรคทางกายมันเกิดจากการรับประทาน
อาหาร การกิน อากาศ ดิน น้ า อากาศนี่แหละ ดินน้ าอากาศ มันจะท าให้ร่างกายป่วย อากาศถ้ามัน
เป็นมลพิษ ถ้าเราสูดเข้าไปมันก็ท าให้สุขภาพไม่ดี อาหารถ้าไม่ดีก็ท าให้สุขภาพไม่ดี น้ าไม่ดีก็ท าให้
สุขภาพไม่ดี เพราะฉะนั้น ดิน น้ า ลม ไฟ นี่แหละท าให้ป่วย ส่วนใจเกิดจากอารมณ์ เมื่อวานนี้พูดถึง
“รูปารมณัง วา” อารมณ์เกิดขึ้นเมื่อตาเห็นรูป จิดคิดปรุงแต่ง นั่นแหละ จิตมันกินอาหารเข้าไปแล้ว
ถ้าปรุงแต่งนิดมันก็กินได้นิดนึง ถ้าปรุงแต่งไม่หยุดมันก็กินได้มากขึ้น ๆ เสียงก็เหมือนกัน รูปารมณัง
ี
เสียงก็ “สัททารมณัง วา” เสยงก็เหมือนกัน ได้ยินเสียงปั๊บแล้วก็คิดปรุงแต่งต่อ คิดไม่หยุดมันก็กิน
มากขึ้น เมื่อวานพูดถึงตรงนี้ รูป เสียง กลิ่น กลิ่นก็คือเราได้กลิ่นอะไรบ้าง กลิ่นหอม กลิ่นเหม็น
สารพัดกลิ่น เราคิดปรุงแต่ง คิดปรุงแต่งปั๊บ กินเข้าไปเลย ถ้าปรุงแต่งไม่หยุด ก็คือกินไม่หยุด
เพราะฉะนั้น อารมณ์นี่เองที่เข้าไปสู่จิตของเรา จะเบิกบานก็ได้ จะหดหู่ก็ได้ จะเศร้าก็ได้ มัน
็
ก็เลยกลายเป็นมะเรงในอารมณ์ ถ้าอารมณ์ไม่ดี มะเร็งมันก็กัดกร่อนจิตของเรานี่ เพราะว่าจิตของ
เราไปกินมัน ไปปรุงแต่งมันมากเข้า ๆ มันก็เลยท าให้จิตดี ๆ กลายเป็นจิตขุ่น จิตเบื่อ จิตเซ็ง
เราจึงต้องเปลี่ยนอารมณ์จากความขุ่น ความหงุดหงิด ความเซ็ง กลับกลายมาเป็นจิตใสโดย
การว่าพุทโธ ๆ ย้ าเข้าไปเพื่อท าให้จิตที่มันขุ่น ที่มันไม่ดีนี่ให้มันใสให้ได้ ถ้าใสได้เมื่อไหร่ นั่นแหละ
กลิ่นอะไรมาก็ตาม เข้าใจ รู้ทัน มันก็สักว่ากลิ่นเทานั้นเอง มันผ่านไปแล้ว เราไม่คิดปรุงแต่ง เข้ามา
่
ทางจมูกก็จริง แต่ว่า รู้กลิ่นหอม โอ้ กลิ่นมะนาว โอ้ กลิ่นกล้วยหอม โอ้ กลิ่นกุหลาบ โอ้ กลิ่นมะม่วง
่
ก็ว่าไป เรารู้ก็จบ ไม่ต้องปรุงแต่งมาก ถ้าอย่างนี้ คือ รู้เทาทัน จิตก็เลยเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็ไม่ต้อง
กังวลใด ๆ ทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าแนะน าอย่างนี้
ี่
ก็ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านทเข้ามาสวดมนต์กับคณะสงฆ์วัดเทพเจติยาจารย์ อย่าลืมบอก
เพื่อน ๆ หน่อย มี ๒ ทาง ๑) เข้าทางช่องยูทูป ๒) เข้าทางช่องเฟซบุ๊กวัดเทพเจติยาจารย์ ท่าน
ทั้งหลายก็จะได้ร่วมสวดมนต์กับคณะสงฆ์วัดเทพเจติยาจารย์ทุก ๆ วัน สาธ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ุ
๓๒๔