Page 319 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 319
กังวล จิตเศร้า จิตด า จิตมีด มันก็จะท าให้จิตของเราตกต่ า ก็เหมือนแก้วที่มันใส ๆ พอเจอสิ่งสกปรก
มันก็มัวหมอง ถ้าไปป้ายสีด าเข้าไปอีกก็มีดตึ้บ มองไม่เห็นความใสของแก้ว เราต้องขัดออก ขัดออก
ขัดออก มันก็จะใสเหมือนเดิม
ใจของเราก็เหมือนกัน พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ปะภัสสะระมิทัง จิตตัง” ก็คือใจมันประภัสสร
มันใสมาตั้งแต่ต้น และท าไมมันถึงด าล่ะทีนี้ ก็เพราะว่ามันไม่อยู่นิ่ง เมื่อมันไม่อยู่นิ่ง มันก็จรไป ๆ ไป
โน้น ไปนี่ มันก็ไป ท่องเที่ยวไป ไปรอบโลกเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ไปเจอะอะไรที่พอใจ โอ้ ตาก็ได้เห็นรูป
หูก็ได้ฟังเสียง จมูกก็ได้ดมกลิ่น ลิ้นก็ได้ลิ้มรส ตาก็ได้สัมผัส จิตก็ได้คิดปรุงแต่ง อันนี้เอง เริ่มแล้ว
เก็บเล็กผสมน้อยทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง มากเข้า ๆ เก็บหงุดหงิดเอย เก็บเบื่อตัวเอย เก็บเซ็งเอย เก็บ
กังวลใจเอย เก็บวิตกกังวลเรื่องโควิดเอย มันจะเข้ามาสู่ร่างกายของเราเมื่อไหร่ นี่กังวลแล้ว อันนี้
้
เก็บทั้งนั้น แล้วมันก็จะทาให้จิตที่ใสกลายเป็นจิตเศรา จิตเหงา จิตเบื่อ จิตเซ็ง จิตด า มาแล้วทีนี้ นี่
คือจิตมันไม่อยู่นิ่ง มันก็เลยไปรับอารมณ์มา
่
เจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม ทานบอกว่า ใจ มีหน้าที่อยู่ ๓ อย่าง ๑) รับอารมณ์ ๒)
เก็บอารมณ์ ๓) ใช้อารมณ์ เก็บอารมณ์อารมณ์มาทางไหนล่ะ มาทางตา “รูปารมณังวา” รูปะ
แปลว่า อารมณ์ก็เป็นรูป บวกอารมณ์ก็เป็น “รูปารมณังวา” เมื่อตาเห็นรูป จิตคิดปรุงแต่ง นั่นแหละ
มันก็เลยเกิดอารมณ์ พอใจ โอ้ รูปนี่สวย รูปนี้หล่อ รูปนี้ดี รูปนี้บูดเน่า รูปนี้มันไม่ดีเลย มันไม่น่าดู
เลย มันก็ยี้ ไม่น่าดู นี่คือจิตคิดปรุงแต่งเมื่อเห็นรูป เช่นเดียวกับเสียง เสียงที่ได้ยินนี่ “สัททารมณัง
วา” สัททะ แปลว่าเสียง อาระมานัง บวกอารมณ์ เปน สัททารมณัง ก็คือหูได้ฟังเสียง จิตนาการขึ้น
็
ี
ี
ว่าเสยงอะไรนี่ เสยงอึ่งอ่าง เสียงคางคก เสียงนก เสียงแมว เสียงเป็ด เสียงไก่ โอ้ ไม่ชอบเสียงไก่ขัน
เอ๊ก ๆ ไม่ชอบ ไม่ชอบเสียงมันน่ะ เราคิดปรุงแต่งไป มันก็ขันของมัน แต่เราได้ยินแล้วเราไม่ชอบ เรา
คิดไปเอง เราปรุงแต่งไปเองว่ามันไม่ชอบ แล้วไก่มันรู้ไหมล่ะ ไก่มันไม่รู้ว่าเราชอบไม่ชอบ แต่มันก็
๊
ท าหน้าที่ของมันขันเอ๊ก ๆ เราก็ได้ยิน ไก่เวรเอย เราคิดปรุงแต่งแล้วไปด่าไก่ แล้วไก่มันรู้เรื่องไหมล่ะ
ไม่รู้ ดีไม่ดี เตะไก่อีกต่างหาก เช่นเดียวกัน เราปรุงแต่งไป เราปรุงแต่งไม่ดีก็จะท าให้จิตหงุดหงิด
กังวล เศร้า แล้วก็เครียด
เพราะฉะนั้น โรคโควิดมันแพร่ระบาด เราก็เสพข่าวเยอะ ๆ พอเสพข่าวเยอะ ๆ โอ้ ต้องแก้
อย่างนั้น โอ้ ต้องแก้อย่างนี้ โอ้ ต้องใส่แมส ไปฟังข่าว โอ้เกิดที่โน่น หรือว่า เกิดคลัสเตอร์ที่นี่ คลัส
เตอร์ที่นั่น ก็กังวล ในที่สุดก็เครียด กลายเป็นโรคประสาท เพราะฉะนั้น มาสวดมนต์กับคณะสงฆ์วัด
เทพเจติยาจารย์ จะได้เกิดสติ พอเกิดสติ ก็เกิดสมาธิ พอเกิดสมาธิ ก็เกิดปัญญา พอเกิดปัญญา ก็
์
แยกแยะอารมณ์ได้ พอแยกแยะอารมณ์ได้ เราก็จะได้เอาอารมณ์ดี ๆ เข้าสู่จิตของเรา อารมณเบื่อ
๓๑๙