Page 61 - เล่มโปรเจค

48

F
 = (2.6)
A

เมื่อ  คือ ค่าความเค้นของวัสดุ

F คือ แรงที่กระทำต่อวัสดุ
A คือ พื้นที่หน้าตัดของวัสดุ

โดยเราจะพบว่าความเค้นจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยตรงกับความเครียดในช่วงระยะหนึ่ง

แต่เมื่อผ่านช่วงนี้ไปแล้วความสัมพันธ์เป็นเชิงเส้น ความชันของกราฟในช่วงดังกล่าวจะมีค่าเท่ากับค่า

ความเค้น (Stress) หารด้วยค่าความเครียด (Strain) มีชื่อเรียกว่าค่า มอดูลัสความยืดหยุ่น (Modulus
of Elasticity)


E = (2.7)


เมื่อ E คือ ค่ามอดูลัสความยืดหยุ่น

 คือ ค่าความเค้นของวัตถุ
 คือ ค่าความเครียดของวัสดุ

อุปกรณ์สเตรนเกจ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ แบบโลหะ และแบบสารกึ่งตัวนำ
สำหรับสเตรนเกจแบบโลหะลวดตัวนำเป็นลวดชนิดออน โดยลวดตัวนำชนิดอ่อนโดยทั่วไปมีขนาดเล็ก
่
นิยมใช้งานในสภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง นอกจากนี้ยังมีสเตรนเกจแบบโลหะชนิดที่ลวดตัวนำทำ
มาจากแผ่นโลหะบางๆ ซึ่งมีขนาดใหญ่และมีความเที่ยงตรงสูงกว่าแบบลวดชนิดอ่อน

สำหรับสเตรนเกจแบบสารกึ่งตัวนำนิยมใช้งานในกรณีที่ต้องการเอาต์พุตที่มีระดับสูงมี

ความไวสูง ตัวประกอบเกจอยู่ในช่วง 50 ถึง 200 แต่มีความเป็นเชิงเส้นต่ำและอาจทำงานผิดพลาดใน
สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง