Page 59 - เล่มโปรเจค
P. 59
46
จะได้ว่า V out = R 1 − R 3
R
V in R 1 + R 2 R 3 + 4
R R
= −
2 R 2 R
0=
หมายความว่า ไม่มีสัญญาณไฟฟ้า V ออกไป เมื่อไม่มีแรงมากระทำขนาดหนึ่ง จะเกิดการ
out
−
เปลี่ยนแปลงเท่ากับ R นั่นคือ R = R R, R = R R , R = R R, R = R R
−
+
−
4
3
1
2
O/ P = R + R − R − R
R − R + R + R R + R + R − R
R
=
+ R − R − R
2 R 2 R
2 R R l
= = = K F (2.2)
2 R R l
2.12.1 สเตรนเกจ
สเตรนเกจ (strain Gage) เป็นตัวแปลงแบบเฉื่อยงาน (Passive Transducer) ซึ่งทำ
หน้าที่แปลงแรงดึง ภาษาทางกลศาสตร์เรียกว่า ความเครียด (Strain) การทำบนตัวอุปกรณ์ให้เป็น
การแปลงค่าความต้านทานทางไฟฟ้า สเตรนเกจ จึงมีการนำมาประยุกต์ใช้งานอย่างกว้างขวาง เช่น
การวัดน้ำหนัก ความดัน และการเคลื่อนที่
สเตรนเกจสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบยึดติด (Bonded Strain Gage) และ
แบบไม่ยึดติด (Unbounded Strain Gage) โดยสเตรนเกจทั้งสองชนิดจะมีลักษณะโครงสร้างและ
การทำงานที่คล้ายกันคือทำด้วยเส้นลวดเล็ก ๆ ขดไปมาและนำไปติดกับวัตถุที่ต้องการตรวจวัด
ความเครียดเมื่อสเตรนเกจถูกยึดออกความยาวของเส้นลวดจะเพิ่มขึ้นในขณะที่พื้นที่หน้าตัดจะลดลง
ทำให้ความต้านทานของเส้นลวดเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้านทานโลหะตัวแปรโดยตรงตามความยาว
และแปรผันกับพื้นที่หน้าตัด โดยเขียนความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ได้ดังนี้
L
R = (2.3)
A
เมื่อ R คือ ความต้านทานของขดลวดตัวนำมีหน่วยโอห์ม
คือ ค่าสัมประสิทธิ์ความต้านทานของขดลวดตัวนำที่ใช้ทำสเตรนเกจมีหน่วยเป็น
โอห์ม/เมตร