Page 97 - BBLP ejournal2018.docx
P. 97
Journal of Biotechnology in Livestock Production
อย่างไรก็ตามจากผลการศึกษาในครั้งนี้ การลดระดับความเข้มข้นของน ้าเชื้อจาก 150 เป็น 100
ล้านตัวต่อโด๊ส มีผลท าให้อัตราการผสมติดไม่แตกต่างกัน ดังนั้นการผลิตน ้าเชื้อแช่แข็งแพะจึงอาจลดระดับ
ความเข้มข้นของน ้าเชื้อเป็น 100 ล้านตัวต่อโด๊ส แต่พบว่าอัตราการผสมติดยังค่อนข้างต ่า ซึ่งเกิดจาก
สาเหตุหลายปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการผสมติด ทั้งนี้สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัยในการเลี้ยงดูแม่แพะ ซึ่ง
ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยเลี้ยงแพะจ านวนไม่มาก ปล่อยหลังบ้านให้กิน
หญ้าและต้นพืชที่มีตามธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากการเลี้ยงในสภาพฟาร์มที่มีการจัดการที่ดีกว่า จึงท าให้
อัตราการผสมติดต ่าจ าเป็นต้องหาแนวทางเพิ่มอัตราการผสมติดให้สูงขึ้นกว่านี้ซึ่งยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผล
ต่ออัตราการผสมติดจากการผสมเทียมด้วยวิธีนี้ เช่น ต าแหน่งที่ปล่อยน ้าเชื้อ การใช้เวลาผสมเทียม การ
จัดการอาหารสัตว์ เป็นต้น โดยมีรายงานการศึกษาของ Arrebola et al. (2012) รายงานว่าต าแหน่งที่ปล่อย
น ้าเชื้อมีผลต่ออัตราการผสมติด การใช้เวลาผสมเทียมนานจะท าให้อัตราการผสมติดต ่ากว่าใช้เวลาสั้น
(Houdeau et al., 2008) และแพะที่ได้รับการเสริมอาหารจะแสดงพฤติกรรมการเป็นสัดและมีอัตราการตก
ไข่ การตั้งท้องดีกว่าแพะที่ไม่ได้รับการเสริมอาหาร (Fitz-Rodriguez et al.,2009)
สรุปผลการทดลอง
การเสริมสารละลาย Equex STM ในน ้ายาเจือจางน ้าเชื้อสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพน ้าเชื้อแช่แข็ง
แพะและอัตราการผสมติดให้สูงขึ้นส่วนน ้าเชื้อแช่แข็งที่ไม่เสริม Equex STM ความเข้มข้นของอสุจิที่ระดับ
100 และ 150 ล้านตัวต่อโด๊ส มีผลท าให้อัตราการผสมติดในแพะพื้นเมืองลูกผสมในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ
ไทยไม่แตกต่างกัน
ข้อเสนอแนะ
ปัจจุบันการผลิตน ้าเชื้อแช่แข็งแพะของกรมปศุสัตว์มีความเข้มข้นของอสุจิที่ระดับ 150 ล้านตัวต่อ
โด๊ส ดังนั้นหากต้องการเพิ่มคุณภาพน ้าเชื้อแช่แข็งและอัตราการผสมติด ควรพิจารณาเสริมสารละลาย
Equex STM ในน ้ายาเจือจางน ้าเชื้อและในกรณีที่ต้องการเพิ่มปริมาณการผลิตแต่ยังคงคุณภาพน ้าเชื้อและ
อัตราการผสมติดไม่แตกต่างจากเดิม อาจพิจารณาลดความเข้มข้นของอสุจิที่ระดับ 150 ล้านตัวต่อโด๊ส เป็น
ที่ระดับ 100 ล้านตัวต่อโด๊สเพื่อให้ได้ปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
กิตติกรรมประกาศ
งานวิจัยนี้ ได้รับการสนับสนุนจากส านักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) คณะผู้วิจัย
ขอขอบคุณ นายสัตวแพทย์กิตติศักดิ์ แสงสกุล และเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยการผสมเทียมและ
เทคโนโลยีชีวภาพสงขลา ที่ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนให้สามารถด าเนินการวิจัยเป็นไปตาม
วัตถุประสงค์
87