Page 5 - บทที่ 11 แสงและทัศนอุปกรณ์
P. 5

5


                       จากรูป ในการมองเห็นวัตถุที่อยู่ในน้ำโดยผู้สังเกตอยู่ในอากาศ เนื่องจากอากาศมีดรรชนีหักเหน้อย
               กว่าน้ำ มุมหักเหในอากาศจึงมีค่ามากกว่ามุมตกกระทบในน้ำ เมื่อต่อแนวรังสี B และ C รังสีจะตัดกันที่ Q ซึ่ง

               เป็นตำแหน่งของวัตถุ และ Q’ เป็นภาพที่ตามองเห็น โดยระยะ AQ’ เรียกว่า ความลึกปรากฏ และระยะ AQ
               เรียกว่า ความลึกจริง ดังนั้น ในการมองเห็นวัตถุที่อยู่ในน้ำ เราจะเห็นวัตถุตื้นกว่าเดิม ได้สมการว่า
                                              ความลึกจริง              2     1
                                                          =           =
                                            ความลึกปรากฎ               1     2
               11.4 เลนส์บาง

                       เลนส์มี 2 ชนิด ได้แก่ เลนส์นูน และ เลนส์เว้า เลนส์เป็นตัวกลางโปร่งแสงที่มีผิวโค้งทงสองด้าน มี    1
                                                                                            ั้
               และ     เป็นศูนย์กลางความโค้ง เส้นตรงที่ลากผ่าน    และ    เรียกว่า แกนมุขสำคัญ O เป็นจุดบนแกนมุข
                                                                   2
                                                            1
                     2
               สำคัญที่อยู่ภายในเลนส์ เรียกว่า ศูนย์กลางเลนส์ ดังรูป







                                          รูปที่ 40 แกนมุขสำคัญ และศูนย์กลางเลนส์

                       ในกรณีเลนส์นูน รังสีผ่านเลนส์นูนจะหักเหและเมื่อออกจากเลนส์จะหักเหอีกครั้งหนึ่ง ไปรวมกันที่จุด
               ๆ หนึ่งบนแกนมุขสำคัญของเลนส์นูน เรียกจุดนี้ว่า จุดโฟกัส หรือ F แต่ถ้ารังสีขนานตกกระทบทางด้านขวามือ
               ของเลนส์ ก็จะมารวมกันที่โฟกัสอีกด้านหนึ่งบนแกนมุขสำคัญ คือจุด F’ แต่ถ้ารังสีขนานเหล่านี้ไม่ขนานกับ
               แกนมุขสำคัญ ก็จะไปรวมกันที่จุดหนึ่งบนระนาบโฟกัส ดังรูป












                                          รูปที่ 41 จุดรวมแสงขนานเมื่อผ่านเลนส์นูน

                       ในกรณีเลนส์เว้า รังสีที่ขนานกับแกนมุขสำคัญเมื่อผ่านเข้าไปในเลนส์เว้าจะหักเห และเมื่อออกจาก
               เลนส์ก็จะหักเหอีกครั้ง โดยรังสีหักเหจะเบนหรือกระจายออก ถ้ารังสีเหล่านี้ย้อนกลับไปก็จะพบกันที่จุด F’ ถ้า
                                                                            ี
               มีรังสีขนานมาจากทางขวาของเลนส์ก็จะทำให้เกิดโฟกัสเสมือน F’ ขึ้นอกด้านเดียวกัน ความยาวโฟกัสของ
               เลนส์เว้าทั้งสองกรณีเท่ากัน ในกรณีที่รังสีขนานไม่ขนานกับแกนมุขสำคัญก็สามารถเขียนแนวของรังสีหักเหได้
               ในทำนองเดียวกับกรณีของเลนส์นูน











                                                 รูปที่ 42 โฟกัสของเลนส์เว้า
   1   2   3   4   5   6   7   8   9