Page 63 - การทำสวนยางฯ ศวย.นค.ปกแดง E_book
P. 63

5.  กรีด 1 ใน 3 ของลําตน กรีด 1 วัน เวน 1 วัน ควบคูกับการใช
                                                                          
            สารเคมีเรงน้ํายางความเขมขน 2.5% (S/3 d2 .ET 2.5%) จํานวน 6 ครั้งตอป  
            ไมควรใชกับพันธุยางที่ออนแอตออาการเปลือกแหง และไมควรใชในเขตแหงแลง


                    ขอสังเกต 1/ พันธุยางที่ใหผลผลิตสูง ไดแก สถาบันวิจัยยาง 251
                           ุ

            สถาบันวิจัยยาง 408  BPM 24 และ PB 235 เปนตน สวนใหญเปนพันธุที่มีระดับ
            เมแทบอลิซึมสูง ดังนั้นแนวทางหนึ่งในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการเกิดอาการ
                                                            
            เปลือกแหงกับตนยาง ควรใชระบบกรีดถตา เชน กรีดวนเวนวน (d2) หรือ กรีด
                                                              ั
                                              ่ํ
                                                  
                                                         ั
                                             ี่
            วันเวน 2 วัน เปนตน
                           2/ ควรทํารอยแบงกรีดเสนหนา-หลังใหชัดเจนในแตละปกรีด
            ยาว 30-50 ซม. เพื่อปองกันไมใหกรีดล้ําเขาไปในหนาอื่นที่ยงไมไดกรีด
                                                            
                                                   
                                                                        
                                                                   ั
                                                     
                               
                                       ึ่
            โดยเฉพาะการแบงหนากรีดหนงในสามของลําตน หากไมทํารอยแบงกรีดให
            ชัดเจน เมื่อกรีดหนาที่สาม รอยกรีดมักจะสั้นมาก ทําใหไดน้ํายางนอย จนกระทั่ง
            ไดผลผลิตต่ําไมคุมคากับการกรีดหนาที่สามตอไป ทําใหเสียโอกาสในการเก็บเกี่ยว
            ผลผลิตยาง
                           3/ ไมควรเปลี่ยนความยาวของรอยกรีด เชน กรีดครึ่งลําตน

                                                                            ึ่
            เปลี่ยนเปนกรีดหนึ่งในสามของลําตน หรือในทางกลับกันเปลี่ยนจากรอยกรีดหนง
            ในสามเปนครึ่งลําตน เพราะจะทําใหเปลือกสวนหนึ่งไมไดกรีด ทําใหผลผลิตลดลง

            20-30%


            สารเคมีเรงน้ํายาง
                    หมายถง สารที่ชวยเพิ่มระยะเวลาการไหลของนายางใหนานขน และ
                          ึ
                                                                       ึ้
                                 
                                                           ้ํ
                                                            ื
                                                      ํ
                                 ้ํ
                 ุ
                                                 ี่
            กระตนการสังเคราะหนายาง  สารเคมีทแนะนาใช คอ 2-chloroethyl
                                                                       ํ
            phosphonic acid มีชื่อสามัญวา เอทธิฟอน  (ethephon) โดยแนะนาใหใช 
                                                              ั
            ที่ระดบความเขมขน 2.5% หลังจากทาหนายางจะสลายตวใหแกสเอทธลีน
                                                                          ี
                                                 
                            
                 ั
                          
                                                                          ิ
                                        
                                                   ้ํ
            (ethylene) ออกมาชาๆ หรือใชสารเคมีเรงนายางในรูปของแกสเอทธลีน
                              
            การทําสวนยางพาราตามหลักวิชาการของสถาบันวิจัยยางในพื้นที่ปลูกยางใหม    หนา 59
   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68