Page 5 - 50 คำถาม เกี่ยวกับการอนุญาโตตุลาการ
P. 5

1



               ค ำชี้ขำดเกี่ยวกับสัญญำจ้ำงท ำของ


               1. ข้อพิพำทหมำยเลขแดงที่  83/2558

               ประเด็นข้อพิพำท : ปัญหำที่จะต้องวินิจฉัยมีว่ำ ผู้คัดค้ำนไม่ต้องรับผิด ผู้เรียกร้องชอบที่จะใช้วิธีหักกลบลบหนี้จ ำนวนตำม
               ค ำเรียกร้อง กับธนำคำร ก. ตำมสัญญำโอนสิทธิเรียกร้องหรือไม่


               ค ำวินิจฉัยชี้ขำด  :

                              ตามประเด็นดังกล่าวผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่น าสืบก่อน น าสืบว่าตามสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องระหว่าง
               ผู้คัดค้านกับธนาคาร ก.ซึ่งเป็นสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องแบบเด็ดขาด ระหว่างผู้เรียกร้อง ในฐานะผู้โอนกับ ธนาคาร ก.
               ในฐานะผู้รับโอน ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2547 จึงเป็นหน้าที่ของผู้เรียกร้องต้องแสดงเจตนาใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ไปยัง
               ธนาคาร ก. ได้ทันที โดยไม่จ าต้องยื่นค าเสนอข้อพิพาทแต่อย่างใด และผู้คัดค้านไม่จ าต้องรับผิดในหนี้จ านวนดังกล่าว
               พร้อมดอกเบี้ย

                              ผู้เรียกร้องน าสืบว่า การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างผู้คัดค้านกับธนาคาร ก. ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์
               2547 เป็นการโอนสิทธิในการรับเงินค่าจ้างตามสัญญาในฐานะผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ผู้เรียกร้องในส่วนเงินค่าจ้างไปให้ธนาคาร
               ก. เท่านั้น อีกทั้งตามสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ข้อ 4.1.6 ยังก าหนดไว้อีกว่า สิทธิที่โอนตามสัญญานี้ ไม่ตกอยู่ภายในภาระ

               เงื่อนไขหรือภาระหนี้ใด ๆ อาจท าให้คู่สัญญาแห่งสิทธิใช้สิทธิหักกลบลบหนี้กันได้ ผู้คัดค้านต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเสียหาย
               พร้อมดอกเบี้ยแก่ผู้เรียกร้อง

                              คณะอนุญาโตตุลาการพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การโอนสิทธิเรียกร้องเป็นการโอนสิทธิของเจ้าหนี้ มิใช่การ
               โอนความเป็นลูกหนี้ การโอนความเป็นลูกหนี้หรือโอนหน้าที่หรือความรับผิดของลูกหนี้ มิใช่การโอนสิทธิเรียกร้อง ผู้รับโอน
               สิทธิเรียกร้องมีฐานะเป็นเจ้าหนี้แทนลูกหนี้คนเดิม มีสิทธิบังคับช าระหนี้เอาจากลูกหนี้ในนามของตนเอง (ค าพิพากษา
               ฎีกาที่ 890/2540) ข้อเท็จจริงได้ความตามสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องแบบเด็ดขาด ระหว่างผู้คัดค้านผู้โอน กับ ธนาคาร ก.
               ผู้รับโอนว่าธนาคาร ก. ให้สินเชื่อในวงเงิน 4,624,000,000 บาท แก่ผู้คัดค้าน และคู่สัญญาตกลงท าสัญญาโอนสิทธิ
               เรียกร้องแบบเด็ดขาดดังกล่าว เพื่อเป็นประกันการช าระหนี้ต่าง ๆ ของผู้คัดค้าน ของผู้โอนสิทธิเรียกร้อง เป็นการโอนสิทธิ
               เรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 อันเป็นการโอนหนี้ที่ผู้คัดค้านจะได้รับจากบุคคลภายนอก
               ซึ่งเป็นลูกหนี้ ให้แก่ธนาคาร ก. เพื่อช าระหนี้เงินที่ธนาคาร ก. ให้สินเชื่อแก่ผู้คัดค้านดังกล่าวแล้ว มิใช่เป็นการโอนความเป็น
               ลูกหนี้ของตนเองให้แก่ธนาคาร ก. ช าระแทน ดังที่ยื่นค าคัดค้าน อันเป็นกรณีแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้

               จากผู้คัดค้านลูกหนี้ในความรับผิดของหนี้ค่าเสียหายในค่าซ่อมบ ารุงรักษารถ ที่ต้องช าระแก่ผู้เรียกร้องให้ธนาคาร ก.
               ช าระแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 คือ การท าสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระส าคัญแห่งหนี้
               เช่น การเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ลูกหนี้ เปลี่ยนแปลงประเภทของนิติกรรม เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติม หรือสละเงื่อนไขของ
               สัญญามีผลท าให้หนี้เดิมเป็นอันระงับไป โดยต้องรับผิดตามหนี้ที่เกิดขึ้นใหม่ การที่ผู้คัดค้านต่อสู้ให้ผู้เรียกร้องใช้สิทธิ
               หักกลบลบหนี้กับธนาคาร ก. จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ซึ่งจะท าเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้
               คนใหม่ก็ได้ แต่จะกระท าโดยขืนใจลูกหนี้เดิมหาได้ไม่ (ค าพิพากษาฎีกาที่ 3399/2548) แต่จากทางน าสืบของผู้คัดค้าน
               ธนาคาร ก. หาได้รับรู้ด้วยไม่ จึงรับฟังไม่ได้ว่ามีการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ และข้อเท็จจริงได้ความว่าขณะเกิดเหตุ

               อยู่ระหว่างบริษัทผู้คัดค้านฟื้นฟูกิจการและได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร ก. โดยมีการโอนสิทธิเรียกร้องที่บริษัทผู้คัดค้าน
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10