Page 6 - 50 คำถาม เกี่ยวกับการอนุญาโตตุลาการ
P. 6
2
มีต่อบุคคลภายนอกซึ่งเป็นลูกหนี้ให้แก่ธนาคาร ก. ปรากฏตามสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องแบบเด็ดขาด ซึ่งเอกสารดังกล่าว
เป็นสัญญาระหว่างธนาคาร ก. เจ้าหนี้ กับบริษัทผู้คัดค้านลูกหนี้ โดยผู้คัดค้านยอมโอนบรรดาสิทธิเรียกร้องที่มีต่อ
บุคคลภายนอกให้แก่ธนาคาร ก. ผู้ให้สินเชื่อซึ่งเป็นผู้รับโอน เป็นประกันการช าระหนี้ต่าง ๆ ของผู้โอน และท้ายสัญญา
ดังกล่าวได้มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิในการรับเงินตามสิทธิเรียกร้องให้ผู้เรียกร้องทราบแล้วด้วย ซึ่งหมายถึง
หากผู้เรียกร้องเป็นลูกหนี้ผู้คัดค้าน ย่อมโอนไปเป็นลูกหนี้ของธนาคาร ก. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา
306 ซึ่งเป็นการโอนสิทธิของเจ้าหนี้ มิใช่โอนความเป็นลูกหนี้ จึงหาใช่กรณีผู้เรียกร้องเป็นลูกหนี้ของผู้คัดค้านไม่ ดังนั้น
กรณีตามที่ผู้คัดค้านให้การต่อสู้ว่า ผู้เรียกร้องชอบที่จะหักกลบลบหนี้เอาช าระหนี้จากธนาคาร ก. นั้น จึงมิใช่การโอนสิทธิ
เรียกร้อง แต่เป็นกรณีแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ กล่าวคือ เปลี่ยนจากผู้คัดค้านเป็นธนาคาร ก. เป็นลูกหนี้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 บัญญัติว่า การแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ นั้น จะท าเป็น
สัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ก็ได้ แต่จะท าโดยขืนใจลูกหนี้เดิมหาได้ไม่ การแปลงหนี้ใหม่โดยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้
จากผู้คัดค้านมาเป็นธนาคาร ก. ต้องมีการท าสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ คือ ผู้เรียกร้องกับธนาคาร ก. จึงจะมีผล
สมบูรณ์ (เทียบค าพิพากษาฎีกาที่ 5894/2531) เมื่อไม่มีการท าสัญญากันระหว่างผู้เรียกร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้กับธนาคาร ก.
ซึ่งจะเข้าเป็นลูกหนี้คนใหม่ สัญญาแปลงหนี้ใหม่จึงไม่เกิดขึ้น ผู้คัดค้านจึงยังคงเป็นลูกหนี้อยู่เช่นเดิม (เทียบค าพิพากษา
ฎีกาที่ 3399/2548) ดังนั้น สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องจึงไม่ใช่สัญญาแปลงหนี้ใหม่โดยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ คือ เปลี่ยนตัว
ผู้คัดค้านซึ่งเป็นลูกหนี้มาให้ธนาคาร ก. มารับผิดแทนผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิให้ผู้เรียกร้องใช้สิทธิช าระหนี้โดยหักกลบ
ลบหนี้กับธนาคารได้ ผู้คัดค้านยังคงต้องรับผิดในมูลหนี้นั้นตามเดิม ผู้คัดค้านจึงต้องรับผิดในจ านวนค่าเสียหายตามที่ได้
ตกลงกันแล้ว มิใช่การโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญา เพราะมิใช่บริษัทผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ผู้เรียกร้องแล้วโอนสิทธิเรียกร้อง
ความเป็นเจ้าหนี้ให้แก่ธนาคาร ก. เรียกร้องให้ผู้เรียกร้องช าระหนี้ แต่กรณีเป็นเรื่องผู้คัดค้านเป็นหนี้ผู้เรียกร้อง จะโอนหนี้ที่ตน
ต้องรับผิดแก่บุคคลภายนอกให้ธนาคาร ก. ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้รับผิดช าระหนี้แทนหาได้ไม่ดังที่ได้วินิจฉัย
มาแล้ว ดังนั้น เมื่อการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้มิได้เกิดขึ้นเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง หนี้เดิมจึงยังไม่ระงับ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 351 (ค าพิพากษาฎีกาที่ 2675/2548) ผู้คัดค้านจึงต้องรับผิดในมูลหนี้
ตามค าเรียกร้องพร้อมดอกเบี้ย แม้ตามสัญญาว่าจ้างซ่อมแซมและบ ารุงรักษารถจะมีข้อสัญญาให้ผู้รับจ้างชดใช้ค่าจ้างแก่
ผู้เรียกร้อง พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ก็ตาม แต่กรณีเป็นเรื่องผิดนัดช าระหนี้ค่าเสียหายในลักษณะเบี้ยปรับ
ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการพิจารณาแล้ว เห็นว่าสูงเกินควร เห็นสมควรลดลงให้ผู้คัดค้านรับผิดในค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตรา
ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ประกอบมาตรา 224
แหล่งที่มำ
ข้อพิพำทหมำยเลขด ำที่ 11/2556
หลักกฎหมำยที่เกี่ยวข้อง : ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 306, 350, 351, 383
ประกอบมำตรำ 224
คณะอนุญำโตตุลำกำร : นำยสุวรรณ ตระกำรพันธุ์
นำยกุศล แย้มสะอำด
นำยเดชำ ยิ้มอ ำนวย
ผู้ย่อ : บันลือ สำยยศ