Page 17 - 2557 เล่ม 1
P. 17
๑๗
ดังกล่าวฟงงได้ว่า จําเลยกระทําไปโดยมีเจตนาจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนน
เลือกตั้งแก่ตนเอง อันเป็นความผิดสําเร็จแล้วโดยไม่ต้องพิจารณาว่าผู้รับชุดซาฟารี
จากจําเลยจะไปลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จําเลยตามที่จําเลยอ้างหรือไม่ ฎีกาของ
จําเลยข้อนี้ฟงงไม่ขึ้น
คดีมีปงญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจําเลยประการต่อไปว่า มีเหตุรอการลงโทษ
ให้จําเลยหรือไม่ เห็นว่า การกระทําของจําเลยเป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความ
เสื่อมเสียต่อระบบเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นการแทรกแซงมติประชาชน
ผู้มีสิทธิลงคะแนนพฤติการณ์ของจําเลยเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จําเลยจะประกอบ
คุณงามความดีและไม่เคยกระทําความผิดอาญามาก่อนตามที่จําเลยอ้างในฎีกาก็ไม่
เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จําเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ไม่รอการลงโทษ
จําคุกให้แก่จําเลย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจําเลยข้อนี้ฟงงไม่ขึ้น แต่เห็นว่า
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาลงโทษจําคุกจําเลยมีกําหนด ๒ ปี นั้นหนักเกินไป
เห็นสมควรแก้ไขให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดี
คดีมีปงญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายมีสิทธิ
ยื่นคําร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา ๒ (๔) ได้มีคําอธิบายความหมายของผู้เสียหาย ไว้ว่า
หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทําผิดฐานใด
ฐานหนึ่ง ฯ ซึ่งข้อกล่าวหาตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจําเลยกระทําผิดฐานให้ทรัพย์สิน
เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเองภายในหกสิบวันก่อน
ครบกําหนดวาระการดํารงตําแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ฯ มาตรา
๕๗ โจทก์ร่วมเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเช่นเดียวกับจําเลย การให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจ
ให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จําเลยดังกล่าวมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งและมีผล
เสียหายแก่โจทก์ร่วมอาจทําให้โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้
รับการเลือกตั้ง โจทก์ร่วมจึงได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทําความผิดของ
จําเลยที่ ๑ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหาร
ท้องถิ่น ฯ มาตรา ๑๓๕ ให้ถือว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่มีการกระทํา