Page 19 - 2557 เล่ม 1
P. 19
๑๙
ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๗๑/๒๕๕๗ พนักงานอัยการ
จังหวัดสงขลา โจทก์
นายมนตรีหรือแมว
บุตรชะรี จ าเลย
ป.อ. ลักทรัพย์โดยมีเหตุฉกรรจ์, ชิงทรัพย์, ปล้นทรัพย์ มาตรา ๓๓๕ (๑) (๗),
๓๓๙, ๓๔๐
ป.วิ.อ. ความผิดตามที่ฟ้องรวมการกระทําหลายอย่าง มาตรา ๑๙๒ วรรคท้าย
ก่อนเกิดเหตุจ าเลยกับพวกมาดักรอผู้เสียหายเพื่อน าไปพบ อ. ตามที่
นัดกันไว้ก่อนแต่ผู้เสียหายไม่ยอมไปพบ เมื่อผู้เสียหายเห็นจ าเลยกับพวกจึง
ขับรถหนี พวกจ าเลยจึงใช้หมวกกันน็อกขว้างใส่เพื่อให้หยุดรถแสดงให้เห็น
เจตนาว่าจ าเลยต้องการเพียงให้ผู้เสียหายหยุดรถเท่านั้น และเมื่อจ าเลย
กับพวกตามไปทันพวกของจ าเลยเป็นคนสอบถามเรื่องเงินจากผู้เสียหาย
ต่อหน้าจ าเลยแล้วล้วงเอาเงินของผู้เสียหายไป ๑๐๐ บาท พฤติการณ์ของ
จ าเลยกับพวกตามที่ได้ความ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าในทันใดนั้น
จะใช้ก าลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์ดังที่โจทก์ฎีกา
จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่การที่ ช. กับพวกของจ าเลยล้วงเอา
เงินสด ๑๐๐ บาท ไปต่อหน้าจ าเลย แสดงให้เห็นว่า จ าเลยร่วมกับพวกมีเจตนา
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริตจึงเป็นการร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคน
ขึ้นไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานชิงทรัพย์ตั้งแต่สามคนขึ้นไปอันเป็น
ความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง จึงลงโทษจ าเลยตามที่พิจารณา
ได้ความ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๒ วรรคท้าย
______________________
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจําเลยตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๘๓, ๙๑, ๓๑๐, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี