Page 190 - สนง.ศาลภาค 2 กฎหมาย ระเบียบ และบทความที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เล่ม 2
P. 190

7


                      ในการเช่าเด็ก 3  เดือน ซึ่งแต่ละวันผู้หญิงคนดังกล่าวจะตระเวนพาเด็กไปขอทานตามตลาดนัดและ

                      ถนนคนเดินในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรายได้เฉลี่ยวันละ 800 – 2,000 บาท ต่อวัน

                                3)  การแสวงหาประโยชน์จากครอบครัวเด็กเอง เช่น มีเด็กที่ถูกบังคับมาขอทาน ซึ่งเด็ก

                      จะถูกบังคับให้หาเงินให้ได้วันละ 400  บาท ซึ่งหากทํารายได้ไม่ครบตามที่พ่อแม่ของเด็กกําหนดไว้

                      ก็จะถูกทุบตีทําร้ายร่างกาย โดยเหตุผลที่พ่อแม่บังคับให้เด็กมาทําเช่นนี้ เพราะพ่อแม่ของเด็กมีพฤติกรรม
                      ติดยาเสพติด จึงใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง  นอกจากนี้บางครอบครัว

                      ยังมีทัศนคติว่าการนําเด็กมาขอทานหรือขายสินค้าต่าง ๆ ในช่วงเวลาหรือสถานที่ที่ไม่เหมาะสมนั้น
                      เป็นอาชีพอย่างหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวของตนเอง เพราะหากไม่มีการจัดสรรสวัสดิการ

                      อย่างเป็นรูปธรรม ย่อมทําให้กลุ่มคนเหล่านี้อ้างถึงความชอบธรรมในการนําบุตรหลานของตนมาขอทาน
                      เพื่อหาเลี้ยงชีพได้อยู่เสมอ


                                4)  เด็กที่อพยพมากับแรงงานข้ามชาติ ถือเป็นเด็กอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะกลายมาเป็น
                      เด็กขอทานเมื่อเด็กไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษา เด็กบางคนจึงใช้เวลาว่างในช่วงเวลากลางวันหรือ

                      กลางคืนในการออกมาขอทานตามข้างถนน จนกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบกัน และท้ายที่สุดเด็กบางคน

                      ก็ถูกบังคับจากครอบครัวให้ทําการขอทานอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากมีรายได้ดีกว่าการประกอบอาชีพของ
                      ครอบครัว ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรให้ความสําคัญกับกลุ่มเด็กที่อพยพ

                      มากับแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริมให้เด็กข้ามชาติได้เข้าสู่ระบบการศึกษาในประเทศไทย
                      เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เด็กกลุ่มนี้สุ่มเสี่ยงต่อการกลายเป็นเด็กขอทานตามข้างถนนหรือเข้าสู่วงจรของ

                      ยาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ

                             2.3 การค้าแรงงานทาส (ธุรกิจประมง)

                             การประมงถือว่าเป็นธุรกิจภาคอุตสาหกรรมที่สําคัญและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างมหาศาล

                      เป็นผลให้ความต้องการจํานวนแรงงานเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจประมงและอุตสาหกรรม

                      การแปรรูปผลิตภัณฑ์ประมงมีเพิ่มสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันสภาพการทํางานของอุตสาหกรรมประมง
                      ถือว่าเป็นงานที่หนักและเสี่ยงอันตราย ประกอบกับต้องออกทะเลเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน จึงทําให้

                      แรงงานไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะปฏิเสธงานในลักษณะดังกล่าว เป็นผลให้ส่วนใหญ่ธุรกิจประมง
                      นอกน่านน้ําเกิดวิกฤติขาดแคลนแรงงาน จึงต้องอาศัยการนําเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งแบบ

                      มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายและแบบหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งตรงจุดนี้เองทําให้ธุรกิจดังกล่าวมีการ
                      เอาเปรียบแรงงานในเรื่องของค่าจ้างและการใช้ความรุนแรงในการบังคับใช้แรงงาน  โดยที่แรงงาน

                      ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะต้องทนจํายอมและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้  นอกจากนี้สืบเนื่องจากการดําเนินงาน

                      ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้า
                      มนุษย์  มูลนิธิกระจกเงา พบว่า มีการหายตัวไปของคนในสังคมหลายกรณีที่เชื่อมโยงกับการล่อลวงและ

                      ลักพาตัวเพื่อนํามาขายและบังคับเป็นแรงงานทาสบนเรือประมง โดยข้อเท็จจริงจากปากคําของผู้เสียหาย
   185   186   187   188   189   190   191   192   193   194   195