Page 1008 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1008

๙๙๖


                        ิ
                 เป็นดุลพนิจของศาลเอง เมื่อปรากฎเงื่อนไขตามกฎหมายที่อนุญาตให้ศาลรอการก าหนดโทษได้ แต่การใช้
                     ิ
                                                                   ิ
                                                                             ิ
                 ดุลพนิจในการรอการก าหนดโทษจ าเลยนั้น ศาลจะใช้ดุลพนิจในการพจารณาจากสภาพแห่งความผิด
                                                             ั
                 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวผู้กระท าความผิดและเหตุอนอนควรปราณี ดังนั้นเมื่อพฤติการณ์แห่งคดีหรือสภาพ
                                                          ื่
                 แห่งความผิดแบบเดียวกันผู้กระท าความผิดจะต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน เมื่อศาลรอการก าหนดโทษ
                 ให้แก่จ าเลยในที่กระท าความผิดที่มีสภาพแห่งความผิดแบบหนึ่งแล้ว กรณีมีการกระท าความผิดที่มีสภาพ
                                                                   ี
                                                                                 ิ
                 แห่งความผิดเดียวกันหรือคล้ายกันของผู้กระท าความผิดอกคนหนึ่งก็ควรพพากษารอการก าหนดโทษ
                 เช่นเดียวกัน การพิจารณาและพพากษาคดีของศาลแม้จะตั้งอยู่บนความเป็นอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญชี
                                           ิ
                 มาตรฐานโทษอาจมีผลต่อความเป็นอสระก็ตาม แต่ล าพงบัญชีมาตรฐานโทษที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและ
                                                  ิ
                                                                  ั
                 ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ศาลได้มาในระหว่างการด าเนินคดี ไม่สามารถเป็นเครื่องมือน าไปสู่การใช้ดุลพินิจในการ

                 รอการก าหนดโทษ หรือก าหนดมาตรการปฏิบัติต่อผู้กระท าความผิดอย่างที่กฎหมายก าหนด เพอให้ได้
                                                                                                  ื่
                 สัดส่วนและเกิดความเหมาะสมแก่ผู้กระท าความผิดรายนั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตามยังมีความจ าเป็นที่ศาลต้องมี

                 บัญชีมาตรฐานโทษเพราะต้องการให้การใช้ดุลพินิจตัดสินมีมาตรฐานที่ชัดเจนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
                        ในการได้มาซึ่งข้อมูลความเป็นมาแห่งชีวิตและความประพฤติของผู้กระท าความผิด หรือ

                           ั
                 ข้อเท็จจริงอนเป็นเหตุที่ศาลจะอางใช้ในการรอการก าหนดโทษให้กับจ าเลยแต่ละรายในคดี ทุกฝ่ายใน
                                             ้
                                                                               ี่
                 กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ยังไม่ให้ความส าคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าทควร ปัญหาการไม่มข้อเท็จจริง
                                                                                               ี
                 เกี่ยวกับจ าเลยในส านวนคดีส่งผลท าให้การใช้ดุลพินิจของศาลในการรอการก าหนดโทษเกิดขึ้นน้อย รวมทั้ง
                 ในทางปฏิบัติผู้พิพากษามักใช้วิธีการรอการลงโทษมากกว่าวิธีการรอการก าหนดโทษ

                               ื่
                                            ิ
                        ดังนั้นเพอให้การใช้ดุลพนิจรอการก าหนดโทษของศาลมีประสิทธิภาพ ได้สัดส่วนและเหมาะต่อ
                 ผู้กระท าความผิดแต่ละรายอย่างแท้จริง ผู้เขียนขอเสนอแนะแนวทางดังต่อไปนี้
                                                                                        ึ
                                                                                                ิ
                         ๑. ควรมีการปรับปรุงบัญชีมาตรฐานโทษ โดยก าหนดให้ความผิดฐานใดพงใช้ดุลพนิจรอการ
                                                                                 ื่
                 ก าหนดโทษ โดยระบุข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้กระท าความผิดที่ศาลควรค านึงเพอใช้ประกอบดุลพินิจในการ
                                                                                        ื้
                 รอการก าหนดโทษไว้ และอาจก าหนดเงื่อนไขเพอคุมความประพฤติ โดยค านึงถึงการฟนฟผู้กระท าผิดให้รู้
                                                         ื่
                                                                                           ู
                 ส านึกในความผิดของตนเพอส่งกลับคืนสู่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนป้องปรามให้ผู้กระท าผิดหรือ
                                       ื่
                 ผู้อนกระท าผิดซ้ าอกด้วย ก่อนมีการปรับปรุงบัญชีมาตรฐานโทษ ให้ศาลถือบัญชีมาตรฐานโทษเป็นเพยง
                                 ี
                   ื่
                                                                                                      ี
                 ข้อแนะน า
                                                         ั
                          ๒. ประสานความร่วมมือพนักงานอยการและพนักงานสอบสวน โดยให้พนักงานสอบสวน
                 รวบรวมประวัติความเป็นมาแห่งชีวิตและความประพฤติหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวผู้กระท าความผิดไว้ใน

                 ส านวนคดี ให้พนักงานอัยการเสนอข้อมูลดังกล่าวพร้อมคาฟอง เพื่อศาลจะได้ใช้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ประกอบ
                                                                  ้

                 ดุลพินิจในการก าหนดโทษให้ได้สัดส่วนแก่ความผิดและเหมาะสมส าหรับจ าเลยเป็นราย ๆไป
                         ๓. จัดให้มีการประชุมคณะผู้พพากษาโดยผู้พพากษาหัวหน้าศาลท าความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์
                                                   ิ
                                                               ิ
                                                                ิ
                 ตามค าแนะน าของประธานศาลฎีกา และสนับสนุนให้ผู้พพากษาใช้วิธีการรอการก าหนดโทษให้แพร่หลาย
                 ในความผิดต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
   1003   1004   1005   1006   1007   1008   1009   1010   1011   1012   1013