Page 1004 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1004

๙๙๒


                 ความผิดที่ศาลจะน ามาใช้พจารณาประกอบดุลพินิจในการรอการก าหนดโทษมักไม่ปรากฎอยู่ในส านวนคดี
                                       ิ
                 ในเวลาที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้กระท าความผิดต่อศาล

                               ๓. พนักงานสอบสวนมีอานาจหน้าที่ในการรวบรวมหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะท า
                      ื่
                                                                                   ๒๖
                                                           ั
                 ได้ เพอจะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อนเกี่ยวกับความผิดที่กล่าวหา  และพนักงานสอบสวน
                                                  ั
                                                                       ๒๗

                 ต้องให้โอกาสผู้ต้องหาแสดงข้อเท็จจริงอนเป็นประโยชน์แก่ตนได้  รวมถึงมีอานาจในการสอบสวนความ
                                                          ๒๘
                 เป็นมาแห่งชีวิตและความประพฤติของผู้ต้องหา  พยานหลักฐานที่รวบรวมนี้ไม่ใช่พยานหลักฐานหรือ
                 ข้อเท็จจริงโดยตรงที่เกี่ยวกับการพสูจน์การกระท าความผิดแต่เป็นการท าการสอบสวนในเรื่องประวัติและ
                                             ิ
                 ความประพฤติของผู้ต้องหา เพอประกอบการพจารณาของของพนักงานอยการ และศาล ปัญหาที่เกิดขึ้น
                                           ื่
                                                        ิ
                                                                              ั
                 ในทางปฏิบัติคือ พนักงานสอบสวนมักไม่สอบสวนถึงประวัติภูมิหลังและความประพฤติของผู้ต้องหา ท าให้
                 ในส านวนไม่มีข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้กระท าความผิดที่เกี่ยวกับความประพฤติ ประวัติผู้กระท าความผิด
                 บุคลิกภาพ รวมถึงสาเหตุในการกระท าความผิด ท าให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้กระท าความผิดไม่ปรากฎต่อ

                                                      ิ
                 ศาลในการที่จะน าข้อมูลไปใช้ประกอบดุลพนิจในการรอการก าหนดโทษให้กับจ าเลยแต่ละรายได้อย่าง
                 เหมาะสม

                         ๓. แนวความคิดของผู้พิพากษาในศาล

                         การสร้างแนวความคิดให้ผู้พพากษาเห็นความส าคัญในการใช้ดุลพนิจรอการก าหนดโทษส าหรับ
                                                 ิ
                                                                                ิ
                              ิ
                 คดีที่ไม่สมควรพพากษาก าหนดโทษจ าคุกหรือปรับแก่จ าเลย ย่อมก่อให้เกิดการใช้ดุลพนิจที่เหมาะสมซึ่งจะ
                                                                                        ิ
                 เป็นประโยชน์แก่จ าเลยมากกว่า ทั้งนี้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลควรมีบทบาทส าคัญในการสนับสนุนให้เกิดการ
                                                                                     ิ
                       ิ
                 ใช้ดุลพนิจดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่ให้ผู้พพากษาต้องถูกจ ากัดการใช้ดุลพนิจด้วยบัญชีมาตรฐาน
                                                           ิ
                                                                  ุ
                                                                                    ิ
                 โทษในรูปแบบเดิม ๆ และขั้นตอนที่ไม่จ าเป็นซึ่งอาจเป็นอปสรรคต่อการใช้ดุลพนิจในการรอการก าหนด
                 โทษ
                                                                              ิ
                          จากการศึกษาพบว่าศาลแขวงนครศรีธรรมราชมีการประชุมผู้พพากษา เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน
                 ๒๕๖๓ มีมติระบุว่า “ให้น าวิธีการรอการก าหนดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ มาใช้ดังนี้

                                                                    ิ
                        ๑. ในคดีลหุโทษที่จ าเลยให้การรับสารภาพ ศาลจะพพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอการก าหนด
                 โทษ เว้นแต่ คดีที่จ าเลยมีพฤติการณ์ไม่สมควรรอการก าหนดโทษ

                        ๒. ในคดีอาญาอื่น ๆ ที่มีอัตราโทษเช่นเดียวกับความผิดลหุโทษ ยกเว้น ความผิดตาม พรบ.จราจร
                 พรบ.รถยนต์ และ พรบ.การขนส่งทางบก



                        ๒๖  มาตรา ๑๓๑ บัญญัติว่า “ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานทกชนิด เท่าที่สามารถจะท าได้เพื่อประสงค์
                                                                          ุ
                 จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่าง ๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา เพื่อจะรู้ตัวผู้กระท าผิดและพิสูจน์ให้เห็น

                 ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา”
                        ๒๗  มาตรา ๑๓๔ วรรคสี่ บัญญัติว่า “พนักงานสอบสวนต้องให้โอกาสผู้ต้องหาที่จะแก้ข้อหาและที่จะแสดง
                 ข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ตนได้”

                        ๒๘  มาตรา ๑๓๘ บัญญัติว่า “ พนักงานสอบสวนมีอ านาจสอบสวนเองหรือส่งประเด็นไปสอบสวนเพื่อทราบความ
                 เป็นมาแห่งชีวิตและความประพฤติอันเป็นอาจิณของผู้ต้องหา แต่ต้องแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบข้อความทุกข้อที่ได้มา”
   999   1000   1001   1002   1003   1004   1005   1006   1007   1008   1009