Page 1003 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1003
๙๙๑
๒. การได้มาซึ่งข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้กระท าความผิด
ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้กระท าความผิด เช่น อายุ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม
สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ สภาพความผิด และพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น รวมถึงเหตุบรรเทา
ิ
้
๒๕
ื่
โทษ ซึ่งเป็นเหตุลักษณะเดียวกับเหตุที่ศาลจะอางเพอใช้ดุลพนิจรอการก าหนดโทษ โดยมีระบุใน
ค าแนะน าของประธานศาลฎีกาบางประการ เช่น จ าเลยส านึกถึงการกระท าความผิดและพยายามบรรเทา
ผลร้ายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะค าให้การรับสารภาพของจ าเลยเป็นการแสดงถึงการส านึกถึงการกระท า
ิ
ความผิด ซึ่งเป็นเงื่อนไขส าคัญอย่างหนึ่งที่จะมีผลต่อการใช้ดุลพนิจรอการก าหนดโทษ แต่บางคดีจะอาศัย
เพียงค าให้การรับสารภาพของจ าเลยยังไม่เพียงพอที่จะใช้ดุลพินิจในการรอการก าหนดโทษ ดังนั้นการได้มา
ซึ่งข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้กระท าความผิดเพอทราบความเป็นมาแห่งชีวิตและความประพฤติของผู้กระท า
ื่
ความผิดจึงมีความส าคัญ เมื่อกฎหมายก าหนดให้ศาลสามารถใช้ดุลพนิจรอการก าหนดโทษให้กับผู้กระท า
ิ
ความผิดหรือไม่ก็ได้ ในการพจารณาเหตุที่จะใช้อางเพอรอการก าหนดโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา
ิ
ื่
้
มาตรา ๕๖ จึงเป็นกรณีที่ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงของผู้กระท าความผิดแต่ราย ๆ ไป โดยพิจารณาจาก
้
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในส านวนคดี หากข้อเท็จจริงที่จะใช้อางเป็นเหตุรอการก าหนดโทษให้กับผู้กระท า
ความผิดนั้นไม่ปรากฎอยู่ในส านวนคดี ศาลอาจไม่ได้ใช้ดุลพินิจในการรอการก าหนดโทษในคดีนั้น
๒.๑ ปัญหาของการได้มาซึ่งข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้กระท าความผิดเพอใช้ประกอบดุลพนิจ
ิ
ื่
รอการก าหนดโทษ ซึ่งผู้เขียนจะขอกล่าวเฉพาะในกรณีที่จ าเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน และรับ
สารภาพในชั้นพิจารณา มีดังนี้
๑. ศาลมีความเป็นอสระในการลงโทษจ าเลย เท่าที่ไม่เกินอตราโทษที่กฎหมายก าหนดไว้
ั
ิ
ิ
ซึ่งในทางปฏิบัติศาลจะก าหนดโทษจ าเลยโดยพจารณาจากบัญชีมาตราฐานโทษ แม้ว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ
ิ
ของผู้กระท าความผิด อาจได้มาในระหว่างการพจารณาคดีโดยการสอบถามคู่ความหรือที่มีส่วนได้เสียหรือ
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี และจากรายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติเฉพาะแต่ในคดีที่ศาลใช้
ิ
ดุลพนิจในการสั่งสืบเสาะก็ตาม แต่หากในคดีนั้นไม่มีผู้เสียหาย โดยทั่วไปแล้วศาลจะไม่มีค าสั่งให้พนักงาน
ิ
คุมประพฤติท าการสืบเสาะและพนิจจ าเลย เพราะอาจเห็นว่าเป็นความผิดเล็กน้อย เมื่อพจารณาสภาพ
ิ
ความผิดแล้วคิดว่าการพพากษาในทันทีจะเป็นประโยชน์แก่จ าเลยมากกว่า จึงอาจไม่มีการสอบถาม
ิ
ข้อเท็จจริงใด ๆ ที่จะใช้ประกอบดุลพินิจในการรอการก าหนดโทษจากจ าเลย
๒. พนักงานอัยการซึ่งในทางปฏิบัติเมื่อพนักงานอัยการยื่นฟองคดีต่อศาลนอกจากค าฟอง
้
้
ี
แล้วมีเพยงเอกสารในคดี เช่น บัญชีของกลางคดีอาญา รายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์
ื่
เท่านั้น แต่บันทึกค าให้การของผู้กล่าวหาและบันทึกค าให้การของผู้ต้องหา หรือเอกสารอน ๆ ที่เป็น
ั
ประโยชน์แก่จ าเลย พนักงานอยการอาจไม่ได้ยื่นมาพร้อมค าฟอง ดังนั้นข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้กระท า
้
๒๕ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ วรรคสอง บัญญัติว่า “เหตุบรรเทาโทษนั้น ได้แก่ผู้กระท าความผิดเป็นผู้
โฉดเขลาเบาปัญญาตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีคุณความดีมาแต่ก่อน รู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่ง
ความผิดนั้น ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานหรือให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา หรือเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ามี
ลักษณะท านองเดียวกัน”

