Page 104 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 104
๙๑
ื่
ิ
ในการน าพยานหลักฐานมาพสูจน์ความผิดของจ าเลย แต่การที่กฎหมายมีบทก าหนดโทษความผิดเพอจ าหน่าย
ที่มีอัตราโทษสูง การใช้ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายที่ไม่ได้สัดส่วนเช่นนี้ ย่อมกระทบต่อหลักการสันนิษฐานว่าบุคคล
ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์เป็นส าคัญ เพราะหากปริมาณยาเสพติด (ซึ่งเป็นปริมาณเพยงเล็กน้อย) เข้าข้อสันนิษฐานตาม
ี
ิ
กฎหมายว่าเป็นความผิดเพอจ าหน่าย ภาระการพสูจน์จะตกไปอยู่กับฝ่ายจ าเลยที่ต้องน าพยานหลักฐานมาน าสืบ
ื่
ิ
หักล้างข้อสันนิษฐานตามกฎหมายนั้น ในขณะที่ฝ่ายโจทก์ไม่จ าต้องแสวงหาพยานหลักฐานมาเพอพสูจน์ความผิด
ื่
ื่
ิ
เพอจ าหน่าย ซึ่งผู้กระท าความผิดบางรายอาจไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาน าสืบพสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐาน
่
ตามกฎหมาย หรือผู้กระท าความผิดที่ด้อยโอกาสในสังคม ไม่มีความรู้ ไม่สามารถอานหรือเขียนได้ ไม่เข้าใจ
ื่
ี
กฎหมาย หรือรู้เพยงว่าท าผิดแล้วต้องรับโทษแต่อาจจะถูกจูงใจให้รับสารภาพไปก่อนเพอประสงค์จะได้รับ
ี
ิ
ื่
การลดโทษ เมื่อพจารณาถึงโอกาสที่ผู้กระท าความผิดที่มีไว้ครอบครองเพยงเพอเสพจะถูกลงโทษในฐานมีไว้
ั
ั
ื่
ในครอบครองเพอจ าหน่ายซึ่งมีอตราโทษสูงกว่ามากโดยเฉพาะอตราโทษขั้นต่ า กับประโยชน์ที่สังคมจะได้รับจาก
การใช้ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายที่ต้องการควบคุมและปราบปรามผู้จ าหน่ายยาเสพติดซึ่งโดยมากเป็นเพยง
ี
ผู้จ าหน่ายรายเล็กน้อยหรือรายย่อยเท่านั้น ผู้เขียนเห็นว่า เป็นการไม่ได้สัดส่วนตามหลักความได้สัดส่วนใน
ความหมายอย่างแคบแต่อย่างใด
ิ
นอกจากปัญหาการบังคับใช้ข้อสันนิษฐานความรับผิดข้างต้นแล้ว ยังมีข้อพจารณาถึงปัญหาความ
ื่
ได้สัดส่วนของบทก าหนดโทษตามกฎหมายยาเสพติด กล่าวโดยเฉพาะความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพอจ าหน่าย
๒๔
ั
ซึ่งเป็นความผิดที่มีผู้ต้องขังในคดียาเสพติดให้โทษมากที่สุดในเรือนจ า จะเห็นได้ว่า อตราโทษในความผิดฐานมี
ื่
ั
ยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเพอจ าหน่ายมีอตราโทษที่สูงกว่าความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษ
ั
ในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการก าหนดอตราโทษขั้นต่ าที่สูง
สาเหตุเนื่องมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ โดยเฉพาะเมทแอมเฟตามีน ท าให้มี
การก าหนดบทลงโทษที่มีความรุนแรง หากพจารณาบทก าหนดโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
ิ
์
พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ ซึ่งใช้ปริมาณสารบริสุทธิ์ของยาเสพติดให้โทษมาเป็นเกณฑในการก าหนดโทษที่สูงขึ้นแล้ว
กล่าวคือ ตามมาตรา ๖๖ วรรคหนึ่ง ผู้ใดจ าหน่ายหรือมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครอง
เพอจ าหน่ายมีปริมาณค านวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึงปริมาณตามมาตรา ๑๕ วรรคสาม ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่
ื่
๒๔ จากสถิติผู้ต้องราชทัณฑ์คดีพระราชบัญญัติยาเสพติดทั่วไปประเทศ ส ารวจ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ พบว่า
ปริมาณผู้ต้องราชทัณฑ์คดีพระราชบัญญัติยาเสพติดคิดเป็นร้อยละ ๘๑.๒๗ ของผู้ต้องขังทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจ านวนที่สูงมากและ
ส่งผลกระทบต่อปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจ า และเมื่อพิจารณาจากสถิตินักโทษเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.
๒๕๒๒ แยกตามประเภทตัวยา พบว่า เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) มีจ านวนมากที่สุด โดยมีจ านวนสูงถึงร้อยละ ๗๕.๙๑ ของนักโทษ
เด็ดขาดคดียาเสพติดทั้งหมด รองลงมาคือ ยาไอซ์ คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๔๔ ของนักโทษเด็ดขาดคดียาเสพติดทั้งหมด และแยกตาม
ประเภทคดี พบว่าความผิดฐานครอบครองเพื่อจ าหน่ายเป็นประเภทคดีที่มีจ านวนนักโทษอยู่ในเรือนจ ามากที่สุด ถึงร้อยละ ๗๙.๓๒
ของนักโทษเด็ดขาดคดียาเสพติดทั้งหมด (ศูนย์เทคโนโลบยีสารสนเทศ กองแผนงาน กรมราชทัณฑ์สถิติผู้ต้องราชทัณฑ์คดี พ.ร.บ.
ยาเสพติดทั่วประเทศส ารวจ ณ วนที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
ั