Page 109 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 109

๙๖




                                                                                          ิ
               ที่ไม่ร้ายแรงและอยู่ในวิสัยที่สามารถแก้ไขและกลับตัวได้ โดยให้มีการสืบเสาะและพนิจถึงพฤติการณ์และ
                                                             ั
                                                                                                    ิ
                                                                                        ื่
               ความร้ายแรงของการกระท าความผิดรวมทั้งเหตุทางอตวิสัยของผู้กระท าความผิด เพอประกอบดุลพนิจในการ
                                                                                 ื่
                                                                            ื้
                                                                               ู
               ลงโทษและใช้มาตรการในการลงโทษที่เหมาะสมโดยค านึงถึงการแก้ไขฟนฟเพอลดการกระท าความผิดซ้ า และ
                    ิ
               การพจารณาถึงแนวทางการบังคับใช้บทบัญญัติมาตรา ๑๐๐/๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
               พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่เปิดช่องให้ศาลมีโอกาสได้ใช้ดุลพนิจในการลงโทษปรับน้อยกว่าอตราโทษขั้นต่ า
                                                                      ิ
                                                                                                 ั
                                                                                      ิ
               ที่ก าหนดไว้ส าหรับความผิดนั้นก็ได้ ถ้าศาลเห็นว่าเมื่อมีเหตุอันสมควรเฉพาะรายโดยพเคราะห์ถึงความร้ายแรงของ
                                                                                             ื่
               การกระท าความผิด ฐานะของผู้กระท าความผิดและพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องประกอบแล้ว เพอเป็นช่องทางหนึ่ง
               ในการก าหนดโทษให้เหมาะสมกับผู้กระท าความผิดแต่ละคน


               บทสรุปและข้อเสนอแนะ

                           จากการศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาการบังคับใช้ข้อสันนิษฐานความรับผิดกับความได้สัดส่วนของบท

               ก าหนดโทษในกฎหมายยาเสพติดแล้ว ผู้เขียนมีความเห็นว่า ปัจจุบันการน าข้อสันนิษฐานความรับผิดว่าเป็น

                                                 ื่
               การกระท าความผิดเพอจ าหน่ายหรือเพอขายมาใช้ในกฎหมายยาเสพติด แม้จะเป็นข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย
                                  ื่
               แบบไม่เด็ดขาด แต่การก าหนดข้อเท็จจริงอันเป็นเงื่อนไขของข้อสันนิษฐานโดยใช้ปริมาณยาเสพติดเพอมุ่งประสงค์
                                                                                                  ื่
                                                                      ี
               จะแยก “ผู้เสพ” กับ “ผู้จ าหน่าย” ออกจากกัน โดยใช้ปริมาณเพยงเล็กน้อยดังเช่นในพระราชบัญญัติยาเสพติด
                                                                                                   ั
               ให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสาม ที่ใช้บังคับในปัจจุบัน ไม่เป็นไปตามหลักความสัมพนธ์กันอย่าง
               สมเหตุสมผลระหว่างข้อเท็จจริงที่เป็นเงื่อนไขของข้อสันนิษฐาน (Basic fact) กับข้อเท็จจริงตามข้อสันนิษฐาน

               (Presumed fact) และเป็นการผลักภาระการพสูจน์ในการหักล้างข้อสันนิษฐานตามกฎหมายไปให้แก่ฝ่ายจ าเลย
                                                       ิ
                                                                                          ื่
               มากจนเกินกว่าเหตุ การใช้ปริมาณยาเสพติดเป็นเงื่อนไขของข้อสันนิษฐานความรับผิดเพอจ าหน่ายหรือเพอขาย
                                                                                                        ื่
               ควรจะต้องเป็นปริมาณที่มากเพียงพอจนแทบจะเป็นที่ไม่สงสัยว่าการผลิต น าเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่ง
               ยาเสพติดในปริมาณเช่นนั้น ผู้กระท าน่าจะมีเจตนาเพอจ าหน่ายหรือเพอขาย ซึ่งยังเป็นข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย
                                                           ื่
                                                                         ื่
               แบบไม่เด็ดขาดที่พสูจน์หักล้างได้ และการก าหนดปริมาณของยาเสพติดให้โทษที่เป็นเงื่อนไขของข้อสันนิษฐานไว้
                               ิ
               ในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ในลักษณะนี้ ย่อมท าให้การแก้ไขเปลี่ยนแปลง
               กระท าได้ยาก ซึ่งแตกต่างจากการก าหนดปริมาณที่เป็นข้อสันนิษฐานไว้ในกฎหมายล าดับรอง เช่น กฎกระทรวง ใน

               ลักษณะดังที่ก าหนดในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่สามารถแก้ไขปริมาณให้
               เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้โดยคล่องตัวมากกว่า

                           ปัญหาว่าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายในคดียาเสพติดยังคงมีความจ าเป็นหรือไม่ นั้น ผู้เขียน

               มีความเห็นว่า แม้การใช้ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายในคดียาเสพติดจะเป็นมาตรการหนึ่งที่เออประโยชน์ต่อ
                                                                                                ื้
               การด าเนินคดียาเสพติด เนื่องจากความต้องการปราบปรามการแพร่ระบาดของเมทแอมเฟตามีนเป็นหลัก จึงมี

               การก าหนดบทลงโทษที่รุนแรงและใช้ปริมาณยาเสพติดเป็นเงื่อนไขของข้อสันนิษฐานตามกฎหมายในการก าหนด
   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114