Page 1042 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1042

๑๐๓๐


                                                                                            ี
                  ิ
                 พจารณาความอาญาโดยรัฐจึงเป็นนิติสัมพนธ์สองฝ่าย คือรัฐฝ่ายหนึ่งกับผู้ถูกกล่าวหาอกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็น
                                                     ั
                 กระบวนการที่รัฐจัดให้มีองค์กรของรัฐท าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหนึ่ง
                 และท าค าชี้ชาดในที่สุด  การด าเนินคดีอาญาในประเทศที่ท าการด าเนินคดีโดยรัฐในเนื้อหาถือว่าไม่ใช่การ

                 พิพาทกันในศาล ถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องระหว่างคู่ความ กล่าวคือรัฐในฐานะเป็นผู้รักษากฎหมายและอานวยความ

                 ยุติธรรมย่อมจะไม่อาจถูกมองว่าเป็น คู่ความกับประชาชนในรัฐ

                                 แนวคิดที่สอง คือประชาชนเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อย ในประเทศที่มีแนวความคิดในการ

                 รักษาความสงบเรียบร้อยโดยประชาชน รูปแบบการด าเนินคดีอาญาจะเป็น การด าเนินคดีอาญาโดยประชาชน
                                                           ้
                             ั

                 เช่น ประเทศองกฤษ ประชาชนมีสิทธิหรืออานาจฟองคดีอาญาได้ไม่จ ากัดว่าต้องเป็นผู้ที่ถูกประทุษร้ายโดยตรง
                 แม้ต่อมาจะได้มีการจัดตั้ง Director of Public Prosecution (D.P.P)  ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. ๑๘๗๙ ซึ่งมีผลให้การ
                                                                                           ื้
                  ้
                 ฟองคดีอาญาของประชาชนในความผิดบางประเภทต้องได้รับอนุญาตจาก D.P.P แต่พนฐานของความคิด
                 D.P.P มิได้กระท าแทนรัฐ แต่กระท าแทนประชาชน และเมื่อ D.P.P เห็นควรด าเนินคดีอาญาใดเองก็จะให้
                 ทนายความเป็นผู้ฟอง ลักษณะของการด าเนินคดีอาญาจึงเท่ากับเป็นกรณีเอกชนคนหนึ่งฟองเอกชนอกคนหนึ่ง
                                                                                                    ี
                                ้
                                                                                           ้
                 ผู้ฟองหรือโจทก์กับผู้ถูกฟองหรือจ าเลยจึงถือได้ว่ามีฐานะเท่าเทียมกัน รูปแบบการด าเนินคดีอาญามีลักษณะ
                                      ้
                    ้
                                                          ่
                 เป็นการต่อสู้ระหว่างคู่ความท านองเดียวกับคดีแพง ดังนั้นศาลซึ่งเป็นผู้ชี้ขาดจึงต้องวางเฉย หน้าที่ของศาลคือ
                                                                                              ื่
                 การควบคุมการต่อสู้มิให้ผิดกติกา และมีหน้าที่วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องพยานหลักฐาน เพอไม่ให้มีการเอา
                 เปรียบกันในการต่อสู้คดี  โจทก์มีหน้าที่น าสืบให้ศาลเห็นว่าจ าเลยได้กระท าความผิดจริงตามที่กล่าวอ้าง

                                 ๓. แนวคิดว่าด้วยเรื่องไม่มีความชั่วไม่มีโทษ (Nulla poena sine culpa) หลักในเรื่องนี้เป็น

                 หลักการพื้นฐานในการใช้กฎหมายอาญาแกบุคคล กล่าวคือ โทษใช้ส าหรับการกระท าที่มีความชั่วเท่านั้นเพราะ
                                                    ่
                 ความชั่วเป็นพื้นฐานการของการลงโทษ ดังนั้นการกระท าใดไม่มีความชั่วจะลงโทษไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า

                 จะใช้มาตรการอื่นเพอป้องกนสังคมไม่ได้ ซึ่งวิธีการเพื่อความปลอดภัยถูกน ามาใช้ด้วยเหตุผลนี้ เนื่องจากวิธีการ
                                        ั
                                  ื่
                                                                                                        ื่
                 เพอความปลอดภัยไม่ได้ถูกก าหนดขึ้นเพอลงโทษความชั่วของคน แต่เป็นมาตรการป้องกันสังคมที่มีขึ้นเพอให้
                                                  ื่
                   ื่
                 สังคมปลอดภัยจากการกระท าความผิดของผู้กระท าความผิดในภายภาคหน้า หรือเป็นวิธีที่ปฏิบัติต่อผู้ที่น่าจะ
                 กระท าความผิดในอนาคต หรือเป็นวิธีเพื่อให้สังคมปลอดภัยจากการกระท าความผิดซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
                 ของผู้กระท าผิด ดังนั้นวิธีการเพื่อความปลอดภัยสามารถน ามาใช้ควบคู่กับการลงโทษได้


                                                                                           ื่
                                 ๔. แนวคิดว่าด้วยหลักจ าเป็นและสมควร  หลักการพื้นฐานในการน าวิธีการเพอความปลอดภัยมา
                 ใช้ คือต้องใช้อย่างมีขอบเขตจ ากัดทั้งด้านความจ าเป็นและสมควร โดยพิจารณาอย่างมีข้อจ ากัดของแต่ละคดี

                                 ๕. แนวคิดว่าด้วยหลักที่ค านึงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้กระท าเป็นรายบุคคล เป็นแนวคิดที่ตั้งบน

                  ื้
                 พนฐานว่า การที่บุคคลแต่ละคนกระท าความผิด ย่อมเนื่องมาจากบุคลิก ลักษณะอปนิสัยของผู้กระท าความผิด
                                                                                     ุ
                 และพฤติการณ์ภายนอก เช่น สิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้กระท าผิด ซึ่งอทธิพลของสิ่งแวดล้อมถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มี
                                                                        ิ
   1037   1038   1039   1040   1041   1042   1043   1044   1045   1046   1047